เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนช่วงรัฐบาลใช้มาตรการเข้มในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ว่า ตามร้านอาหารต่างๆค่อนข้างเงียบเหงา มีประชาชนบางส่วนทยอยมาจับจ่ายซื้ออาหารแต่ก็ไม่มากนัก จากการสอบถามบรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ต่างวอนให้รัฐช่วยแก้ปัญหาให้บ้าง อย่างน้อยช่วยค่าน้ำค่าไฟก็ยังดี

โดย นางไก่ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล)​ อายุ 62 ปี ผู้จัดการร้านแกงใต้ เกรดเอ ตั้งอยู่ริมถนนราชพฤกษ์เข้าจากถนนรัตนาธิเบศร์มุ่งหน้าถนนบรมราชชนนี กล่าวว่า ร้านเปิดมาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว ขายตั้งแต่ 06.00 น. ถึงเวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางรัฐบาลได้มีมาตรการห้ามนั่งรับประทานในร้าน ต้องซื้อใส่กล่องกลับบ้าน ทำให้ลูกค้าลดลงไปมาก จนต้องให้พนักงานสลับกันหยุด ตนอยากให้ภาครัฐช่วยลดค่าน้ำค่าไฟ และจัดหาวัคซีนฉีดให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ร้านใดฉีดวัคซีนครบแล้ว ก็ให้ลูกค้านั่งกินที่ร้านได้ โดยทางเรายินดีที่จะทำตามมาตรการป้องกัน ทั้งเรื่องการเว้นระยะห่าง และจัดแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการ ไม่อยากให้ปิดแบบนี้ เพราะได้รับผลกระทบหนัก

ด้าน นางฉวีวรรณ สอนสระคู อายุ 54 ปี แม่ค้าขายผลไม้หน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านอุรุพงษ์ กล่าวว่า ตนทำอาชีพค้าขายมานานกว่า 10 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ขายหอมจีน ไก่ทอด หอยทอด ปัจจุบันขายผลไม้ตั้งแต่เช้าถึงช่วงเย็น ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตนได้รับผลกระทบมาก เพราะขายของได้ไม่ค่อยดี บางครั้งยังได้ทุนคืน บางครั้งถึงกับขาดทุน ตนปรับตัวป้องกันโควิด-19 โดยการสวมใส่ถุงมือ กลับไปบ้านก็รีบเข้าห้องน้ำล้างมือ และซักเสื้อผ้าที่สวมใส่ขายของวันนั้นทันที อยากให้รัฐบาลบริหารจัดการให้เศรษฐกิจดีขึ้น และรีบแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเร็ว

ขณะที่นายขัญธิพงษ์ มีปิ่น อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน shaka grill &​bar ย่านอารีย์ กล่าวว่า ร้านของตนเป็นร้านอาหารเม็กซิกัน-อเมริกัน เปิดมาแล้วประมาณ 6 ปี จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา คิดว่ารอบนี้หนักและนานที่สุด ช่วงแพร่ระบาดรอบแรกกับรอบ 2 ยังมีลูกค้าสั่งอาหารจากที่ร้านบ้าง แต่รอบนี้ระบาดนานขึ้น ทำให้ลูกค้าประหยัดมากขึ้น ที่ร้านจึงขายอาหารได้น้อยลง สำหรับการปรับตัวจากมาตรการของรัฐบาลนั้น ตอนนี้ทางร้านขายอาหารแบบดิลิเวอรี่ และพยายามคิดค้นเมนูใหม่ๆ เสมอ ที่ผ่านมาก็มีลูกค้าประจำ บางครั้งก็มีลูกค้าซื้ออาหารจากร้านไปบริจาค ซึ่งทางเราก็ให้ส่วนลด เป็นการทำบุญไปด้วย

นายขัญธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของมาตรการรัฐบาลที่ให้ร้านอาหารเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. และยังคงห้ามนั่งกินในร้าน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.นี้นั้น ตนก็จะปฏิบัติตาม และคิดว่าอาจจะปรับตัวโดยเปิดร้านให้เร็วขึ้นแล้วปิดตามเวลาที่รัฐกำหนด ทั้งนี้ ตนอยากให้ทางรัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ทั่วถึง แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เชื่อว่าถ้าคนมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะออกมาใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ.