กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจหนักมากสำหรับ “แคนดี้ รากแก่น” ที่หลังจากออกมาโพสต์ตัดพ้อในโซเชียลส่วนตัวว่าเหมือนเหมือนอกหักจากการโดนหักหลัง จนทำหลายคนเป็นห่วงเธอไม่น้อยเลยทีเดียว ล่าสุด แคนดี้ได้มาร่วมงานทอดกฐินสามัคคี 2567 วัดพระธาตุดอยวิสุทธิญาณ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ โดย แคนดี้ เผยว่า


ที่โพสต์หลักๆ คือการโพสต์ตัดพ้อชีวิต ธุรกิจ แต่ยังพูดไม่ได้ทั้งหมด เวลาเราทำงาน เราให้ใจเขาไปเต็มที่ แต่มีบางอย่างที่ไม่ควรจะเป็น และเราเสียใจ เสียใจไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงเหรอ เขาทำเราจริงๆ เหรอ เหมือนคนอกหัก ก็เลยตัดสินใจโพสต์ ถามว่าโดนหลอก โดนโกง หรือโดนหักหลัง ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ รอดูหลักฐาน ตอนนี้เหมือนเราพูดไป ทางเขาก็ขอให้เอาหลักฐานมาคุยกัน เพราะฉะนั้นขอเวลาก่อน ก็เป็นคนใกล้ตัว ทำธุรกิจร่วมกันมา เป็นคนเกือบๆ อยู่ในวงการบันเทิง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเงินเกือบทั้งสิ้น เป็นเรื่องการลงทุน เรื่องของเงิน ลงทุนแล้วไปไม่รอดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะปกติการทำธุรกิจทำไม่ได้แยกย้ายแยกย้ายกันไปก็จบ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้ไม่อยากจะพูดอะไรเยอะแต่ที่ตัดพ้อไป เหมือนเราเป็นคนอกหัก ไม่รู้จะพูดกับใคร เราพูดกับใครไม่ได้เลย สำหรับเรื่องนี้“

“ถามว่าถ้าเคลียร์แล้วมันจะสำเร็จไหม ด้วยความรู้สึกแล้ว มันค่อนข้างยาก เราเองก็ยังไม่พร้อมเจอเขา แล้วก็ให้เวลาเขาด้วย หลังจากที่คุยแล้วมีโอกาสเคลียร์ได้ ก็ดี ก็อยากให้จบด้วยการเคลียร์กัน เชื่อว่ามันมีเหตุและผลของการกระทำนั้นก็ให้โอกาส ตอนนี้ขอยังไม่ลงรายละเอียด เพราะยังไม่ได้นัดเขา แต่จะถึงกฎหมายไหม ก็อยู่ที่เขา เพราะเราพร้อมเคลียร์พร้อมคุยอยู่แล้ว เรารักเขาเหมือนน้องคนนึง รักมาก เจอเรื่องแบบนี้ เรารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ เพราะจำนวนค่อนข้างสูง ประมาณ 8 หลัก ช็อก ก็ช็อก เสียใจ อันดับแรกไม่ได้มองถึงตัวเงินแต่อย่างใด เราให้ใจเขาในการทำธุรกิจ แต่พอรู้เราก็ช็อก มันหน้าชาไปเลย เพราะเราก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ว่าทำไมเขาทำกับเรา คิดอยู่อย่างเดียวคือภาวนาว่าวันที่เราไปคุย ไม่เป็นอย่างที่เราคิด เราอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ ตอนนี้รอให้เขานัด ภายในกลางเดือน ก็สามารถเคลียร์ได้ ไม่อยากให้เนินนาน เอาหลักฐานมาชนกัน จบก็จบไปเลย เรายังไม่ไว้ใจเขาเหมือนตอนแรกแล้ว ณ วันนี้ที่ยังไม่ได้คุยกัน มันเป็นแบบนั้น แต่เรารอ มีโอกาสได้คุยกันแล้ว ภาวนา ไม่ให้เป็นอย่างที่เจอมา ยังอยากเก็บเขาไว้ แต่ถ้ามันเป็นจริง ขอเก็บเป็นความทรงจำไว้ในอดีตแล้วก็แยกย้ายกันไป เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เรารู้ด้วยตัวเอง เรียกว่ามันเป็นความชะล่าใจ เป็นความประมาทของเรา เอาง่ายๆ ธุรกิจสายนี้ เราไม่เก่ง เรียกว่าโง่ ฉันโง่เอง พอเราเดินเข้าไปถาม มันก็เห็นแล้วเราช็อก ก็ให้โอกาสเขา เพราะเขาบอกมันไม่จริง เราเลยยังไม่เล่าให้ใครฟัง แต่เราเผลอโพสต์น้อยใจ เพราะเรารักและให้เขามาก ซึ่งเราเพิ่งทราบไม่นาน 2 วันก่อนโพสต์ ถ้าเคลียร์จบยังเป็นพี่น้องกันได้ เจอกัน ทักกันได้ แต่ถามว่าทำธุรกิจไหม กลัวเราจะไม่ทันเขา ไม่ฉลาดในการทำธุรกิจเท่าเขา เราไปอยู่ในเวย์ของเราดีกว่า ไปอยู่กับคนที่รักเราดีไหม เหมือนทำงานกับพี่ธัญญ่า กับพี่เป๊กดีกว่า มันจูนกันติด รักกันพี่น้อง ในดวงชะตาคนเรามีขึ้น มีลง จังหวะลงอย่างที่บอกว่าเราลืมทำบุญ กรรมก็ตามมาทันเสมอ ช่วงนี้เราอาจจะขาดบุญ เป็นกรรมเก่า อย่างที่เกิดขึ้น กรรมในปัจจุบัน 50 และกรรมเก่าในอดีต 50 ตอนนี้เร่งทำบุญ”

ขอบคุณภาพประกอบจาก:แคนดี้ รากแก่น