นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ดีอี เสนอแก้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อให้การแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีสาระสำคัญ คือ การเร่งรัดคืนเงินให้ผู้เสียหาย โดยเฉพาะกรณีที่มีการระงับหรืออายัดบัญชีม้าที่มีเงินในธนาคาร ซึ่งมีเงินและทรัพย์สินอายัดอยู่ที่สำนักงาน ปปง.กว่าหมื่นล้านบาทแต่ยังไม่สามารถคืนเงินผู้เสียหายได้ เนื่องจากการดำเนินคดียังไม่สิ้นสุด หรือยังติดขัดข้อกฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย
นอกจากยังมีการเพิ่มโทษ การซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล โดยถือว่า เป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน เศรษฐกิจ และสังคม โดยจะเพิ่มอัตราโทษจำคุกเพิ่มขึ้นจาก 1 ปี เป็น 5 ปี นอกจากนี้ ยังเพิ่มความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม หรือสื่อสังคมออนไลน์ ในความเสียหายของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงออนไลน์ หากผู้ประกอบการละเลย หรือไม่ดูแลระบบอย่างดีพอ และมีการป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคนร้ายหรือโจรออนไลน์
“ได้ลงนามในร่าง ปรับปรุง ก.ม. ไปแล้ว และคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เห็นชอบในหลักการไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจร่างอยู่ หากผ่านแล้วจะเสนอกลับเข้า ครม.เห็นชอบเพื่อบังคับใช้ต่อไปภายในปีหน้า ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายเนื่องจากอาชญากรรมออนไลน์ มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา เนื้อหาของกฎหมายเดิมอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้”
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ตั้ง กองนวัตกรรมด้านดิจิทัล ขึ้นอยู่กับสำนักปลัดฯ เพื่อทำการพัฒนานวัตกรรมขึ้นเอง ไม่ต้องใช้งบจ้างเอกชน โดยได้พัฒนาระบบตรวจสอบเว็บไซต์ผิดกฎหมาย (ยูอาร์แอลเช็กเกอร์) ในการตรวจสอบเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่ศาลมีคำสั่งปิดแล้ว แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือไอเอสพียังไม่ยอมปิด และได้พัฒนาระบบเก็บหลักฐานเว็บไซต์ผิดกฎหมาย รวมถึงพัฒนาระบบการทำงานอัตโนมัติโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และ อาร์พีเอ ใช้เพื่อช่วยในการบันทึกและเก็บหลักฐานโดยอัตโนมัติ และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป