เมื่อวันที่ 6 พ.ย. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานแถลงข่าว โครงการ “4 วัด 1วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ที่จะจัดขึ้น ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วันที่ 9 – 17 พ.ย. โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดวธ. พร้อมด้วยผู้บริหารวธ. เข้าร่วม ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า วธ.จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน ในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นอดีตราชธานีที่ยังคงเหลือไว้ซึ่งโบราณสถาน โบราณวัตถุที่เป็นรากเหง้าของศิลปวัฒนธรรมไทยและยังได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 โดยอุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ไม่ต่ำกว่าปีละ 3 ล้านคน สามารถจัดเก็บค่าเข้าชมได้มากกว่าปีละ 100 ล้านบาท สร้างรายได้ให้อยุธยา และประเทศไทย ปีละหลายหมื่นล้านบาท สำหรับการเปิดให้เข้าชมโบราณสถานยามค่ำคืนในปีนี้ ประกอบด้วย วัดไชยวัฒนาราม, วัดราชบูรณะ, วัดมหาธาตุ, วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม ซึ่งได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมยามค่ำคืนมาตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเปิดให้เข้าชมทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รวมทั้งวันหยุดนักขัตฤกษ์และในช่วงเทศกาล

รมว.วธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดงาน “4 วัด 1วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด เมื่อครั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต สื่อโซเชียล ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ความสุขหรือมโหรสพของคนในยุคนั้นมีอะไรบ้าง จึงได้จัดให้มีกิจกรรมทางวัฒนธรรม การละเล่นย้อนยุค อาทิ การแสดงโขน การแสดงละครนอก การสาธิตช่างฝีมือไทยโบราณ การแสดงหนังใหญ่ เป็นต้น ในวันที่ 9-17 พ.ย. ที่วัดไชยวัฒนาราม, วัดราชบูรณะ, วัดมหาธาตุ, วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม ซึ่งในวันที่ 10 พ.ย. เป็นพิธีเปิดงาน วธ.จะจัดรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีหัวลำโพงมาอยุธยา โดยจะแวะชมสถานที่สำคัญในเขตอ.บางปะอิน พร้อมทั้งร่วมถ่ายภาพแบบย้อนยุค ณ สถานีรถไฟบางปะอินหลังเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยห้องภาพฉายานิติกร และมีการแสดงโขนในค่ำคืนนั้นด้วย

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ ประกอบด้วย การประดับตกแต่งไฟ “4 วัด 1 วัง” ให้มีความสวยงามยามค่ำคืนตั้งแต่วันที่ 9-17 พ.ย. เวลา 18.00น. เป็นต้นไป การฉายภาพเรื่องราว Projection Mapping ที่วัดพระราม และวัดไชยวัฒนาราม วันที่ 9-17 พ.ย. เวลา 18.30น. เป็นต้นไป การประกวดแมวไทยโบราณคืนถิ่นกรุงศรี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยาซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 พ.ย. โดยเป็นความร่วมมือกับสมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ ภายในงานประกอบด้วย การประกวดแมว การแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เกี่ยวกับแมว การแสดง ฉุยฉายนางวิฬาร์ การเสวนาเรื่อง “แมวโบราณ ครั้งกรุงศรีอยุธยา” นอกจากนี้มีพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ วิหารหลวง วัดมหาธาตุ วันที่ 15 พ.ย. เวลา 18.00น. และการประกวดนางนพมาศแห่งกรุงศรี ที่วัดพระราม วันที่ 15 พ.ย. เวลา 19.00น.

ด้าน นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า สำหรับวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งเป็นวันลอยกระทง นอกจากจะมีกิจกรรมลอยกระทงที่วัดไชยวัฒนาราม กิจกรรมประกวดนางนพมาศที่วัดพระรามแล้ว ไฮไลท์สำคัญ จะมีการเสกน้ำพระพุทธมนต์จันทร์วันเพ็ญ ซึ่งเป็นการทำพิธีเสกน้ำที่ตักจากแหล่งน้ำหน้าวัดสำคัญ 9 แห่งในจ.พระนครศรีอยุธยา ที่จะปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ จำนวน 5 รูป นำโดย พระวชิรญาณ (หลวงพ่ออติโชติ ธฺมมวโร) หรือ “พระอาจารย์โชติ” เจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง ทำพิธี ณ พระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ ในเวลาฤกษ์ 19.09 น. และจะนำน้ำพระพุทธมนต์ กว่า 2,000 ขวดแจกจ่ายประชาชนที่มาร่วมงานด้วย