จากกรณี นางสาวบุษรินทร์ ศิริมงคลทรัพย์ อายุ 27 ปี แม่ค้าขายข้าวแกง เผลอลืมวางสร้อยคอทองคำ ที่เพิ่งซื้อใหม่เอี่ยมจากทางร้านทอง ย่านซอยสยามคันทรีคลับ หมู่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พอจ่ายเงินเสร็จ เดินออกจากร้านทองไปทันที โดยไม่ได้หยิบทองมาด้วย ผ่านไป 10 นาที นึกขึ้นได้ รีบกลับมาเอาทอง ปรากฏว่าทองหายไปแล้ว ทางร้านรีบเปิดกล้องวงจรปิด พบชายต้องสงสัย คาดว่าเป็นชาวกัมพูชา ฉกใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกจากร้านทองไปอย่างหน้าตาเฉย เหตุเกิดเวลา 16.00 น. ของวันที่ 7 พ.ย. 67
ความคืบหน้าล่าสุด หลังเกิดเหตุประมาณ 4 ชั่วโมง ช่วงเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน ทางร้านทองที่เกิดเหตุ ได้รับโทรศัพท์จากผู้ก่อเหตุ โดยมีความประสงค์ต้องการนำทองมาคืน โดยอ้างว่า ไม่รู้ว่าเป็นทองของผู้เสียหาย และเข้าใจว่า สิ่งที่หยิบเข้ากระเป๋ามาเป็นของแถมของทางร้าน ซึ่งต่อมาผู้ก่อเหตุได้นำทองมาคืนให้กับทางร้าน ทราบชื่อต่อมา นายโทน โกลาคาน อายุ 24 ปี สัญชาติลาว โดยเจ้าตัวเล่าว่า ได้มาซื้อสร้อยทอง 1 สลึง กับพระ 1 องค์ กับทางร้านทองดังกล่าว หลังจากที่มีการชำระเงินเสร็จ เข้าใจว่าถุงที่วางอยู่ข้างๆ เป็นกล่องพระที่ทางร้านแถมให้ จึงคว้าใส่กระเป๋ากางเกง โดยไม่ได้มีเจตนาจะขโมยไป
นายโทน โกลาคาน ยังเล่าอีกว่า หลังกลับไปที่พักได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ตัวเองแทบช็อก เมื่อหน้าของตนเองถูกแชร์ว่อนโลกโซเซียล แถมยังมีเพื่อนสัญชาติเดียวกันโทรมาตำหนิ กล่าวหาว่าตนไปขโมยของในร้านทอง ด้วยความตกใจจึงรีบตรวจสอบ ถุงห่อผ้า ที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นกรอบพระที่ทางร้านแถมให้ แต่ปรากฏว่าข้างในเป็นสร้อยคอทองคำ จึงรีบปรึกษาแฟนสาวแล้วนำทองมาคืนกับทางร้าน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะขโมย แต่เพราะตนเองเข้าใจผิดว่าเป็นของแถมจริงๆ และเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
ต่อมา นางสาวบุษรินทร์ ได้รีบเดินทางมายังร้านทอง และมีการพูดคุยกับฝ่ายคู่กรณี ในเบื้องต้น นางสาวบุษรินทร์ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ที่ได้สร้อยคอทองคำคืน แต่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำพูดของฝ่ายคู่กรณี เนื่องจากเหตุผลที่ฝ่ายคู่กรณีพยายามชี้แจง ฟังไม่ขึ้น เพราะคนเราซื้อของกลับไป ก็ต้องตรวจสภาพของที่ซื้อมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่า คู่กรณีจะไม่รู้เรื่อง จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 4 ถึง 5 ชั่วโมง ถึงยอมนำทองมาคืน อีกทำไมไม่รีบนำมาคืนก่อนหน้านี้ และถ้าหากย้อนไปดูคลิปกล้องวงจรปิดตอนก่อเหตุ จะเห็นชัดเลยว่า คู่กรณีตั้งใจหยิบของใส่กระเป๋ากางเกง สุดท้ายขอบคุณ ชาวบ้านทุกคนที่ช่วยแชร์ข้อมูลในโลกโซเชียล จนกดดันคู่กรณีนำทองมาคืนได้ดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจได้เชิญผู้เสียหายและฝ่ายคู่กรณีไปทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.หนองปรือ หากฝ่ายผู้เสียหายยังยืนกรานว่าจะดำเนินคดีกับคู่กรณี ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.