จากกรณี เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 23 ต.ค. พ.ต.ท.อนุรักษ์ รามสูตร สว.(สอบสวน) สน.บางชัน รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ นายรัชพงศ์ ลิมปะชัยวงศ์ ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 1 มก-5194 กรุงเทพมหานคร ที่หน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถนนรามอินทรา แล้วหลบหนีไปทาง ถนนรามอินทราขาออก มุ่งหน้ามีนบุรี ต่อมารถแท็กซี่ที่ถูกชิงทรัพย์ไปเกิดเหตุพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 103/2 จากนั้นคนร้ายได้ลงจากรถ เดินมาหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านวิสุทธาวิลล์ ก่อนที่ตำรวจ สน.บางชัน จะควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายชยาศิส ผิวผ่อง อายุ 39 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้คนร้ายมีอาการเมาสุรา และคล้ายคนเมายาเสพติด จึงนำตัวมา ที่ สน.บางชัน จัดทำบันทึกจับกุม เมื่อคนร้ายมาถึงที่บริเวณหน้าห้องปฏิบัติการสายตรวจ เกิดอาการแน่นหน้าอก เจ้าหน้าที่จึงประสานงานรถกู้ชีพมาปฐมพยาบาล จากนั้นคนร้ายได้เสียชีวิตลง จึงได้ประสานงาน พนักงานอัยการ, เจ้าหน้าที่ปกครอง และแพทย์นิติเวช จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ มาทำการชันสูตรพลิกศพ และส่งศพผู้ตายไปชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่ สน.บางชัน พ.ต.อ.กิตติ แสงศิริวุฒิ ผกก.สน.บางชัน ชี้แจงเหตุการณ์ว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายคนขับรถแท็กซี่ และชิงเอารถไป สายตรวจจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ ต่อมาได้รับแจ้งอีกว่า แท็กซี่คันดังกล่าวไปจอดอยู่ข้าง รพ.นพรัตน์ฯ ในลักษณะเบียดกับเสาไฟฟ้า จากการตรวจที่เกิดเหตุสภาพรถแทบจะไม่มีความเสียหายอะไร เมื่อไปถาม รปภ. ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเดินย้อนกลับไปทางแฟชั่นไอส์แลนด์ จึงไปควบคุมตัวไว้ได้ ขณะนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในลักษณะมึนเมา จึงพาตัวกลับมาที่ สน.บางชัน ดำเนินการตามกฎหมาย

พ.ต.อ.กิตติ เผยอีกว่า พอมาถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันประคองลงจากรถลงมานอนที่พื้นในสภาพเมาไม่ได้สติ ระหว่างนั้นตำรวจสังเกตเห็นผู้ตายอยู่ลักษณะกระสับกระส่าย จึงเรียกกู้ภัยมาดูอาการ และทำการซีพีอาร์ พร้อมประสานกู้ชีพของ รพ.มาให้การช่วยเหลือ ก่อนเสียชีวิตบริเวณห้องสายตรวจ จากนั้นได้มีการประสานพนักงานอัยการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้นไม่พบบาดแผล ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายใดใด ซึ่งต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

เมื่อถามว่าผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่ พ.ต.อ.กิตติ ยืนยันยันว่า ไม่มีการทำร้ายร่างกาย และไม่มีการใช้กำลังจากทางเจ้าหน้าที่ แต่ดูจากลักษณะผู้ตายคาดว่าไปดื่มสุรามาค่อนข้างหนัก และเนื่องจากผู้ต้องหาเสียชีวิต ตำรวจต้องทำสำนวนไปตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ผลทางคดีอาญาต้องระงับไป เนื่องจากผู้ต้องหาเสียชีวิต ส่วนญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต.