นิสสันได้ปรับโฉม “เทอร์ร่า สปอร์ต” ใหม่ให้เป็นรถยนต์เอนกประสงค์ ตรงใจกับกลุ่มคนที่ยังลังเลว่าจะซื้อแบรนด์ไหนดีที่ให้ความคุ้มค่าน่าใช้  โดยเน้นการใช้งานทั้งในเมือง ขับทางไกล หรือขับไปเที่ยวลุยได้ ประหยัดด้วย เชื่อว่าถ้าได้ลองขับ ลองใช้งานจริงๆ นิสสัน เทอร์ร่า น่าจะเป็นทางเลือกอันดับต้นๆได้ไม่ยาก

เพราะดีเอ็นเอของนิสสัน มีจุดเด่นในเรื่องช่วงล่าง ขับสบาย ใช้งานสะดวก หมดห่วงเรื่องศูนย์บริการ โดยเฉพาะเคยเป็นเจ้าของรถแบรนด์นี้มาก่อนคุ้นเคยดี นับว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองมาก  สำหรับทริปนี้นัดหมายกันที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. เส้นบรมราชชนนีในช่วงสาย ๆ เพื่อเลี่ยงรถติดหนัก โดยผู้โดยสาร 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง และอุปกรณ์ถ่ายภาพ เพราะครั้งนี้ตั้งใจเดินทางท่องเที่ยวลำบากนิดหน่อย แล้วเก็บภาพวิวสวยๆของการเข้าสู่หน้าหนาว

ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ใช้บริการ เทอร์ร่า สปอร์ตอีกครั้ง บนเส้นทางไป/กลับ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี 200 กว่ากิโลเมตร โดยเกือบครึ่งทางที่เป็นผู้นั่งแถวสอง ยิ่งรับรู้ได้ว่าเบาะหนังใช้วัสดุพรีเมียม ดีไซน์เป็นแบบ Theatre Style Seating ไม่บดบังทัศนวิสัยของผู้ขับและผู้โดยสารแถวที่ 2 รู้สึกโปร่งโล่งสบาย แถมมีข้อดีตรงไม่เมารถแม้ว่าถนนจะโค้งหรือวกวนแค่ไหน รวมทั้งยังพับเก็บอัตโนมัติ เพียงแค่กดปุ่มจากสวิตช์แบบ 1-Touch Remote Fold & Tumble เพิ่มความสะดวกในการขึ้นลงของผู้โดยสารแถวที่ 3 และพับเก็บแบนราบ เพิ่มพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ได้อย่างสบายๆ

มือแรกขับมากว่า 80 กิโลเมตรก็เที่ยงวันพอดีเลยแวะเติมอาหารท้องกันที่ร้านกบ ท่ามะกา จากนั้นออกเดินทางต่อ คราวนี้รับหน้าที่ขับรถ เพื่อเดินทางไปยังวัดถ้ำพุวา ซึ่งตั้งอยู่ ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ หน้าถ้ำมีปราสาทหินทราย เป็นรูปแบบของศิลปะขอมโบราณประยุกต์ขนาดใหญ่สีน้ำตาลแดง มีลวดลายประณีตที่สวยงามมาก โอบล้อมด้วยป่าไม้และภูเขา ร่มรื่น ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย และที่น่าสนใจภายในถ้ำยังเป็นอุโบสถสำหรับทำพิธีทางศาสนาอีกด้วย ด้านนอกมีพระพุทธรูปสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตา เรียกว่าเป็นอีกวัดที่มีประวัติศาสตร์ใกล้กรุงเทพฯอีกแห่งหนึ่ง

อิ่มเอมความสุขก็รับไม้ต่อเป็นคนขับบ้าง เราออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนศรีนครินทร์ เส้นทางช่วงนี้ขึ้นเขาลงเขาวิ่งสวนเลน แต่ไม่เป็นอุปสรรค เพราะพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังรูปทรง D-shape แบบสปอร์ต ปรับอัตราทดให้ควบคุมได้อย่างง่าย และปลอดภัย พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานของรถที่ปรับตั้งการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้ผ่านปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุดจัดมาเต็ม โดยดฉพาะกล้องรอบคัน 360 องศา Safety Shield เพิ่มความมั่นใจทั้งแบบ Active และ Passive เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ที่ช่วยประเมินว่ารถมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันข้างหน้าหรือไม่ รวมถึงจะคอยแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน คอยเตือนรถในมุมอับสายตา โดยเฉพาะรุ่น 4WD คันที่ขับได้เพิ่มระบบโหมดออฟโรด เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพิ่มมุมมองรอบตัวรถตอนขับขี่ แม้ในทางที่ลำบาก รวมถึงการทำงานร่วมกับ Parking Sonar ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ห้องโดยสารภายในตกแต่งโทนสีดำสไตล์สปอร์ตพรีเมียม คอนโซลหน้าออกแบบ และตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย ปุ่มควบคุมต่าง ๆ ออกแบบให้มีไฟเรืองแสงสีขาวสังเกตง่าย ติดตั้งระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติแยกการควบคุมอุณภูมิ ตามความต้องการของห้องโดยสารแต่ละด้าน พร้อมช่องแอร์เย็นฉ่ำทั้งคัน

เทคโนโลยี Nissan Connect ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับแอปเปิล คาร์เพลย์  แบบไร้สาย และแอนดรอย ออโต้ รองรับการใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ผ่านหน้าจอสัมผัสระบบเครื่องเสียง Display Audio ขนาด 9 นิ้ว พร้อมด้วยระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ ส่วนตัวชอบหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถสตรีมมิ่งช่องโปรด เช่น NetFlix และยูทูป ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System 8 ตำแหน่ง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ ให้เสียงคุณภาพสูงทำให้ทุกคนในห้องโดยสารเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง เทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย ให้กำลังการชาร์จไฟสูง 15 วัตต์ อีกทั้งยังมีช่องชาร์จยูเอสบี ไทป์-เอ 3 จุด และไทป์-ซี 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และการชาร์จแบตเตอรี่ ครบทุกที่นั่ง

แม้ว่าสิ่งของด้านหลังที่กองเต็มทำให้ปิดบังสายตาไปบ้าง แต่การติดตั้งกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM) ที่ให้มุมมองกว่ากระจกมองหลังทั่วไปนั้นแสดงภาพจากกล้องความละเอียดสูง เรียกว่าช่วยการมองเห็นด้านหลังที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกันไปเลย รวมถึงยังปรับมุมมองได้ตามความต้องการ

และจากขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้แรงม้าถึง 190 ตัว กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่มาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำ 1,500 รอบต่อนาที ส่งผลให้อัตราออกตัว การเร่ง หรือแรงฉุดลากเหลือเฟือ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แล้วเพิ่มความสนุกด้วยแมนนวลโหมด

สำหรับทริปนี้ไม่ได้นำไปลุยหนัก แต่ได้ใช้สมรรถนะค่อนข้างเยอะ ทั้งการขับขี่บนเส้นทางลาดชันหรือปีนป่ายระหว่างเส้นทางมากนัก ฟิลลิ่งพวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ขับสบายไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็ว มีความคล่องตัวดี  เรียกว่าเครื่องยนต์โตเหนือบอดี้ แต่ประหยัดค่าน้ำมันไปเยอะ ถ้าอยากนำไปลุยโหดๆกว่านี้เจ้าเทอร์ร่าก็ยังมีเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ 2H เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่ปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ จาก 2H เป็น 4H ได้ทันทีขณะรถวิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม. ขณะที่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ หรือ 4LO มาพร้อมระบบ Diff-Lock ช่วยกระจายกำลังไปยังล้อหลังทั้ง 2 ข้าง และระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential โดยระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H

เทอร์ร่า เป็นรถเอนกประสงค์ที่น่าใช้ ทั้งขับในเมืองก็คล่องตัว ขับทางไกลสบาย เพราะมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิ้งค์ (5-Link) พร้อมคอยล์สปริง การนั่งสะดวกสบายผ่านการดีไซน์ที่คำนึงถึงการใช้งานจริงเป็นหลัก กับค่าตัว 1.555 ล้านบาท.