เมื่อวันที่ 27 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี เข้าร้องทุกข์ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ตนกับอดีตสามีเลิกรากันตั้งแต่ ด.ญ.เบน (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 11 ปี ยังเล็ก โดยลูกอาศัยอยู่กับพ่อและย่าย่านหนองจอก กรุงเทพฯ ส่วนตนทำงานอยู่แถวถนนเสรีไทย แต่ต่อมาก็ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นข้อความลูกแอบส่งมาบอกว่า ถูก นายเอ้ (นามสมมุติ) ที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊กหลอกพาไปข่มขืนกระทำชำเรา ทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธปืนข่มขู่บอกว่าถ้าลูกหนีออกจากบ้านจะตามไปยิงทั้งแม่ทั้งลูกให้ตาย โดยลูกหายไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.67 เป็นเวลา 5 วัน และก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ได้แต่ส่งโลเคชั่นมาให้ว่าอยู่ย่านคลองห้า จ.ปทุมธานี เกรงลูกจะเป็นอันตราย ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ตรวจสอบแล้วพบว่าเด็กหญิงถูกพาไปกักอยู่แถวคลองห้า จ.ปทุมธานี จึงประสาน พ.ต.อ.รุ่งระวี สุขัง ผกก.สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี โดยมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ รีบพาแม่ไปพบและแจ้งความ โดย ผกก.สภ.คลองห้า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวนนำกำลังพาแม่เข้าช่วยเด็กหญิงทันที โดยเด็กหญิงปลอดภัยได้กลับสู่อ้อมอกแม่ด้วยความดีใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองห้า ได้นำตัวเยาวชนชายวัย 16 ปี มาสอบถามก่อนส่งดำเนินคดีตามขั้นตอนกฏหมาย โดย พ.ต.อ.รุ่งระวี สุขัง ผกก.สภ.คลองห้า ได้ประสาน กับ พ.ต.อ.จตุภูมิ มุดซาเคน ผกก.(สอบสวน)ฯ รรท.ผกก.สน.หนองจอก พื้นที่เกิดเหตุ ดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมาย

หลังช่วยเด็กหญิงออกมาได้แล้ว น.ส.บี ผู้เป็นแม่ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่โผกอดลูกด้วยความดีใจ หลังจากพูดคุยกับลูกสักพัก น.ส.บี กล่าวถึงเรื่องที่ลูกเล่าให้ฟังว่า อยู่บ้านกับพ่อและย่ามีเรื่องไม่สบายใจและถูกตี เมื่อได้คุยกับฝ่ายชายทางเฟซบุ๊กเขาบอกว่า เขาเป็นผู้ใหญ่ มีเงิน จะให้เงินใช้ ส่งเสียให้เรียน และชวนไปเที่ยวบ้าน ลูกสาวหลงเชื่อออกไปเจอกลับถูกกักขังทำร้ายย่ำยีและขู่จะฆ่าดังกล่าว ขอบคุณ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ตำรวจสภ.หนองจอก และสภ.คลองห้า ที่ได้ช่วยเหลือลูกสาวของได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ในครั้งนี้

นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.รุ่งระวี สุขัง ผกก.สภ.คลองห้า ที่ห่วงใยทุกข์ร้อนของประชาชน ส่งกำลังตำรวจร่วมกับเจ้าหนาที่มูลนิธิปวีณาฯ เข้าช่วยเหลือเด็กทันที และได้ประสาน พ.ต.อ.จตุภูมิ มุดซาเคน ผกก.(สอบสวน)ฯ รรท.ผกก.สน.หนองจอก ดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมาย ซึ่งนางปวีณา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาแม่กับลูกสาวไปสอบปากคำ ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และสอบสหวิชาชีพ

“กรณีเด็กหญิงผู้เสียหายรายนี้ ถือว่ายังเด็กมากอายุเพียง 11 ปี ขณะที่ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนชายอายุ 16 ปี รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก จึงอยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด เพราะในโลกโซเชียลหลายอย่างอาจไม่ใช่เรื่องจริงเมื่อหลงเชื่ออาจจะตกเป็นเหยื่อเป็นอันตรายได้.” นางปวีณา กล่าวทิ้งท้าย