“น้ำผึ้ง” ถือเป็นสารให้ความหวานตามธรรมชาติที่มีประโยชน์มหาศาล และเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมากกว่าน้ำตาล โดยผู้ป่วยเบาหวานสามารถกินน้ำผึ้งได้วันละไม่เกิน 2 ช้อนชา แต่ถ้าพลาดไปกินน้ำผึ้งปลอมที่พวกฉวยโอกาสทำออกมาขาย ซึ่งส่วนใหญ่ทำจากน้ำตาล อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

“น้ำผึ้งปลอม” ไม่มีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำผึ้งธรรมชาติอย่างแน่นอน คุณค่าทางโภชนาการก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วเราจะมีเทคนิค หรือวิธีแยกแยะ “น้ำผึ้งแท้” กับ “น้ำผึ้งปลอม” ได้อย่างไร?

รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียน ดุย ทินห์ อดีตอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮานอย ระบุว่า น้ำผึ้งป่าดีต่อสุขภาพมาก และมีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะที่ช่วยสนับสนุนการรักษาโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม การจะหาน้ำผึ้งป่านั้นค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่เป็นน้ำผึ้งคุณภาพดีจากฟาร์ม แต่ก็มีพวกนิสัยไม่ดีที่ทำการปลอมแปลงน้ำผึ้งออกมาขาย จนทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้บริโภค

“น้ำผึ้งปลอม” แม้ทานเข้าไปแล้ว จะไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก เพราะส่วนใหญ่ทำจากน้ำตาล แต่ถ้าทานมากเกินไป ก็จะทำให้เราเป็นโรคอ้วน ระบบย่อยอาหารไม่สมดุล โดยเฉพาะ “ผู้ป่วยโรคเบาหวาน” ที่พลาดไปใช้น้ำผึ้งปลอม ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก ๆ

วิธีแยกแยะ “น้ำผึ้งแท้” กับ “น้ำผึ้งปลอม”

เตรียมน้ำกรองมา 1 แก้ว ใช้หลอดจุ่มลงในน้ำผึ้งที่เราต้องการทดสอบ จากนั้นค่อยๆ หยดน้ำผึ้ง 1 หยด ลงในแก้วน้ำ น้ำผึ้งแท้จะค่อยๆ จมลงไม่ละลาย ขณะที่น้ำผึ้งปลอมจะค่อยๆ ละลายหายไป

เพื่อความแม่นยำในการทดสอบ ควรเตรียมแก้วยาวเพื่อให้สังเกตได้ง่าย และควรใช้หลอดเล็กในการหยดน้ำผึ้งหยดเล็ก ๆ เพราะจะเห็นได้ชัดเจนกว่า การใช้หลอดใหญ่ที่หยดน้ำผึ้งหยดใหญ่ เพราะอาจละลายไม่ทันเวลา

“แก้ว” ถือเป็นภาชนะจัดเก็บน้ำผึ้งที่ปลอดภัยและดีที่สุด เพราะมีความแน่น ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เปลี่ยนคุณสมบัติของน้ำผึ้ง ไม่ว่าจะเก็บไว้นานแค่ไหน นอกจากนี้ การปิดภาชนะเก็บน้ำผึ้งให้แน่น จะช่วยลดการสัมผัสอากาศของน้ำผึ้ง ทำให้รักษารสชาติและสีไว้ได้นานขึ้น

ในการเลือกน้ำผึ้งที่มีคุณภาพ ผู้บริโภคต้องเลือกซื้อจากสถานที่ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของน้ำผึ้ง เราควรตรวจสอบรสชาติของน้ำผึ้งก่อน น้ำผึ้งแท้จะมีรสชาติที่หอมและหนืดมาก มีความเข้มข้นสูง ซึ่งน้ำผึ้งปลอมจะไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้.

ที่มาและภาพ : VTC, Soha, Gasfull, Дарья Яковлева / Pixabay