เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะหัวหน้าคณะสงฆ์ไทย พร้อมพระเถระรวม 10 รูป ในนามคณะสงฆ์ผู้แทนมหาเถรสมาคม (มส.) ได้เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานชั่วคราวในประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568

พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า มส.ได้มอบหมายให้นำคณะสงฆ์ไทยร่วมคณะกับผู้แทนรัฐบาลไทย นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ซึ่งพระเขี้ยวแก้วจากวัดหลิงกวงนี้ นับว่าเป็น 1 ใน 2 พระบรมสารีริกธาตุที่มีอยู่บนโลกมนุษย์ตามตำนาน และการสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เสมือนการได้กราบพระพุทธองค์โดยตรง ถือเป็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่

พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า ในการอัญเชิญครั้งนี้ จะมีการจัดพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและจีน ว่าด้วยการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ในวันที่ 3 ธ.ค. จากนั้นวันที่ 4 ธ.ค. คณะอัญเชิญทั้งฆราวาส และคณะสงฆ์ของฝ่ายไทยและจีน จะร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ร่วมกัน ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง โดยก่อนออกเดินทาง คณะสงฆ์จะประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วขึ้นเครื่องบินออกเดินทางไปยังประเทศไทย เมื่อถึงไทยจะมีการจัดขบวนเกียรติยศและพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว พร้อมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ก่อนอัญเชิญไปยังท้องสนามหลวง โดยขบวนรถผ่านเยาวราช และจัดริ้วขบวนที่ยิ่งใหญ่ 24 ริ้ว บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เวลา 17.00 น. เริ่มเคลื่อนริ้วขบวนอัญเชิญไปประดิษฐานยังมณฑป มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และเวลา 19.00 น. จะมีพิธีการรับโดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นประธานสงฆ์ ถวายพวงมาลัยสักการะพระเขี้ยวแก้วอัญเชิญประดิษฐานยังมณฑป จากนั้นประธานฝ่ายไทยและฝ่ายจีน จะประกอบพิธีนำเวียนเทียนรอบมณฑป