สวัสดีวันหยุดแรกของเดือนธันวาคม! กับสารพันข่าวสารยานยนต์กับ อ้วนซ่า แอบซิ่ง เหมือนเช่นเคย และก็ขอต้อนรับเข้าสู่เทศกาลแห่งรถรุ่นใหม่ใน มหกรรมยานยนต์ 2567 หรือ Motor Expo 2024 ในสัปดาห์นี้จึงเลือกรถแบรนด์ “ไอออน” (Aion) มาคุยกัน สำหรับใครที่ยังคงยึดติดำว่า “ประเทศจีน” นั้นล้าหลัง ไม่น่าจะทำรถยนต์ได้ดี ต้องขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะโดยลำพังแต่ มณฑลกว่างโจว มณฑลเดียวก็มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศไทยทั้งประเทศถึง 3 เท่าแล้ว จากการที่อ้วนซ่าได้ไปเยี่ยมเยือนมณฑลนี้เป็นการส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ ก็ถึงกับตกตะลึงถึงความล้ำสมัย ความสะอาด และเป็นระเบียบของเมืองระดับมหานครที่ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของรถยนต์แบรนด์ ไอออน และได้ลบภาพความคิดเดิมๆในหัวออกไปหมดสิ้น

ด้านรูปลักษณ์หน้าตาของรถ ไอออน วี นี้หากมองจากทางด้านหน้าก็จัดว่าออกไปทางน่ารัก ดูแล้วคล้ายกับเจ้า “หมูเด้ง” จากหน้าตาที่ดูเกลี้ยงๆ กับไฟหน้าดวงโตที่อยู่ด้านบน แต่กับมุมมองด้านอื่นก็ถือได้ว่า ทะมัดทะแมงลงตัว ดูเส้นสายสะอาดตา ผสมผสานความเรียบง่ายเข้ากับความบึกบึนได้กลมกล่อม จัดได้ว่าเป็นรถที่หล่อเหลาคันหนึ่ง

ด้านการออกแบบภายในดูจะเป็นจุดแข็งของรถคันนี้ เพราะเน้นเรื่องความสบายโดยเฉพาะของที่นั่ง เริ่มด้วยเบาะหน้าที่มาพร้อมระบบนวดแบบสปา ที่มีจุดนวดถึง 8 จุด ปรับความแรงได้ 3 ระดับ ลดความเมื่อยล้า และอาการปวดเอวในการเดินทางไกล ส่วนเบาะนั่งตอนหลังก็สามารถปรับเอนนอนได้ถึง 137 องศา มากที่สุดในรถประเภทเดียวกัน เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถงีบหลับได้อย่างสบาย และนอกจากนั้นยังรองรับการปรับเบาะหน้าให้แบนราบสำหรับการนอนในรถ เปลี่ยนรถให้กลายเป็นเตียง เรียกว่าโดนใจสายแคมปิ้ง นอนดูดาว เพราะมาพร้อมหลังคากระจก ที่มาพร้อมม่านบังแดดอีกด้วย และนอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบตู้ร้อน/ เย็น ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ต่ำถึง -15 องศา ไปจนถึง 50 องศาเซลเซียล! โดยมีความจุมากถึง 6.6 ลิตร เรียกว่า แช่ไอศกรีมได้สบาย ถูกใจสมาชิกในครอบครัวแน่นอน

ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ และความปลอดภัยต่างๆ ไม่ต้องพูดกันมากเค้าให้กันมาแบบจัดเต็ม แต่จะทำงานได้ดีเพียงใดนั้นต้องมาดูอีกที เพราะอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ ล้วนใส่มาตามเกณฑ์ของรถยุคใหม่ทั้งสิ้น เพื่อให้รองรับกับมาตรฐานใหม่ของการทดสอบความปลอดภัย แบบแอคทีพ (หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ) และพาสซีพ (คุ้มครองชีวิตคนขับและผู้โดยสาร)

ด้านขุมกำลังเป็นระบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 204 แรงม้า กับแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ LFP ความจุ 75.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง บนสถาปัตยกรรมแบบ 400 โวลต์ โดยสมรรถนะนั้น ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ใน 7.9 วินาที กับตีนปลายที่จำกัดไว้ที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับระยะทางวิ่งไกลสุด 602 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

ดูจากตัวเลขพละกำลังและขนาดแบตเตอรี่แล้ว ก็เชื่อว่า ถูกวางตัวให้เหมาะกับสายใช้งานจริง เน้นเดินทางไกล เพราะด้วยกำลังที่ไม่หวือหวา แต่ด้วยบุคลิกของรถไฟฟ้าที่แรงบิดมาที่รอบต่ำ ยังไงก็ขับได้สบาย อาจจะไม่จี้ดจ้าด แต่ไม่อืด และถ้าใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนดก็น่าจะวิ่งได้เกิน 500 กิโลเมตรได้ไม่ยาก ส่วนหากไปถึงจุดหมายแล้วต้องการจะชาร์จไฟก็รองรับการชาร์จในระดับมาตรฐาน คือ AC 7 กิโลวัตต์ และ DC 180 กิโลวัตต์ เรียกว่าหมดห่วง

ก่อนงานมหกรรมยานยนต์นี้ เห็นประกาศกันว่าจะทำราคา ไม่เกิน 1,099,000 บาท แต่สุดท้ายใจป้ำ ขอเปิดราคาในงานเพียง 999,900 บาทเท่านั้น! ส่วนหลังจากงานนี้ จะขอปรับราคาขึ้นอีก 30,000 บาท กลายเป็น 1,029,900 บาท ซึ่งจะขึ้นไปสูสีกับบีวายดี ซีไลอ้อน 7 (BYD Sealion 7) รุ่นขับหลัง ที่แรงกว่า แต่อาจจะไม่บรรทุกสัมภาระได้น้อยกว่า แต่เพราะเปิดราคามาเพียง 1,149,900 บาท งานนี้ก็ทำเอาไขว้เขวได้ ดังนั้นใครที่มองรถในพิกัดราคานี้ไว้ ต้องลองไปเทียบกันดูนะขอรับ!.