เมื่อวันที่ 27 ต.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย. ว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ตนจะชี้แจงความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครอง สถานศึกษา และนักเรียนได้รับทราบว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเปิดเรียนภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพ ซึ่งจะมีมาตรการของการเปิดเรียนออกมาเป็นแนวปฏิบัติอย่างเป็นทางการ เนื่องจากขณะนี้เรายังมีความซับซ้อนของพื้นที่ตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือ โควิด-19 ที่แบ่งโซนสีตามความรุนแรงการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการการเปิดเรียนเสนอให้ ศบค.พิจารณาร่วมด้วย แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดของการเปิดเรียน คือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน จะต้องรับวัคซีนให้ถึง 85% ทั้งนี้ ศธ.ได้จัดทำตัวเลขโรงเรียนที่สามารถเปิดเรียนได้แล้วว่ามีอยู่จำนวนกี่แห่งบ้าง อย่างไรก็ตามยืนยันวันที่ 1 พ.ย.มีการเปิดเรียนอย่างแน่นอน แต่ในบางพื้นที่จะเปิดเรียนในรูปแบบปกติ หรือ On Site ได้กี่เปอร์เซ็นต์นั้น จะมีมาตรการกำหนดไว้

ด้าน ดร.อัมพระ พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับการเปิดภาคเรียนไม่ว่าในสถานการณ์โควิดจะเป็นอย่างไร ศธ.จะมีการประกาศเปิดภาคเรียนวันที่ 1 พ.ย. ตามปกติใน 5 รูปแบบ ได้แก่ การเรียนแบบ On-site คือ การเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน ซึ่งเหมาะสำหรับโรงเรียนที่มีปริมาณนักเรียนน้อย สามารถจัดพื้นที่แบบเว้นระยะห่างและเข้มงวดการสวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการด้านสาธารณสุข การเรียนแบบ On-Air ผ่านระบบมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ DLTV การเรียนแบบ On-Line ครูผู้สอนทำการสอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิค การเรียนแบบ On-demand ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น และการเรียนแบบ On-hand ครูผู้สอนเดินทางไปแจกเอกสารใบงานให้กับนักเรียนที่บ้าน แต่หากโรงเรียนใดต้องการเปิดเรียนในรูปแบบปกติ หรือ On-site จะต้องทำแบบประเมินความพร้อมโรงเรียน 44 ข้อของ Thai Stop Covid โซนพื้นที่การแพร่ระบาดของโรค และปริมาณการฉีดวัคซีนของครูและนักเรียน จากนั้นโรงเรียนจะต้องทำเรื่องเสนอให้ไปยังคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัดให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วนโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเปิดเรียนในรูปแบบปกติได้กี่แห่งนั้นได้มอบหมายสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สำรวจแต่ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดพิจารณาแล้ว.