เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี น.ส.จุฑารัตน์ เพชรรักษ์ หรือ น.ส.ไอซ์ อายุ 49 ปี เจ้าของธุรกิจขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ นายชาติ แก้วตาทิพย์ อายุ 54 ปี อดีตที่ปรึกษา กต.ตร. จ.สมุทรปราการ และผู้เสียหายอีก 3 ราย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจภูธรภาค 7 ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
หลังถูกจับกุมขณะกำลังนำรถบรรทุกสิบล้อมาคืนก่อนเวลาให้บริษัทรถเช่าที่ให้บริการเช่า ได้ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจับกุมตัวกลางปั๊มน้ำมันในจ.ราชบุรี พร้อมชักปืนขู่และทำให้ได้รับบาดเจ็บ พูดจารุนแรงด่าทอกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายกลางปั๊มน้ำมัน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 ที่ผ่านมา แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี หลังจากเข้าแจ้งความมานานกว่า 5 เดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบจึงนำหลักฐานเข้าร้องขอความเป็นธรรม
น.ส.จุฑารัตน์ กล่าวว่า เรื่องเกิดจากการที่ตนได้เช่ารถบรรทุกพ่วง 6 คัน ใช้ไปประมาณ 3 ปี ต่อมาเจ้าของขอรถคืนก่อนหมดสัญญาเช่า ตนจึงให้ทนายร่างเอกสารคืนรถและพูดคุยเรื่องเยียวยา ทางเจ้าของรถยินดีที่จะเยียวยาให้ตน 350,000 บาท แต่ขอจ่ายก่อน 200,000 บาท ส่วนที่เหลือจะทยอยให้ วันที่นัดหมายคืนรถก็ได้มีการระบุเพิ่มเติมในส่วนเงินเยียวยา จากนั้นได้มีการดูเอกสาร ตรวจรถ เจ้าของรถได้นำเงินมาให้ตน 200,000 บาท และให้ตนนับ ตนเห็นว่าทำธุรกิจด้วยกันมา 2-3 ปี จึงไม่ได้นับเงิน ต่อมาได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 15 คน เดินเข้ามาล็อคตนเอามือปิดปาก ตนจึงพยายามดิ้นด้วยสัญชาตญาณ และร้องให้นายชาติช่วย ซึ่งตอนนั้นคิดว่าถูกปล้น พอนายชาติจะเข้ามาช่วยชายฉกรรจ์ 1 คน ได้ชักอาวุธปืนขึ้นมาขู่

มารู้ภายหลังว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าของรถได้แจ้งให้มาจับกุมตน อ้างว่าตนไปกรรโชกทรัพย์เขา ตนจึงให้ดูเอกสารว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง ตนรู้สึกว่าสิ่งที่ตำรวจทำกับตนมันรุนแรง ตนรู้สึกแย่มาก และยิ่งมาเห็นข่าวที่มีลูกตำรวจถูกตำรวจรุมทำร้ายยิ่งรู้สึกสะเทือนใจ เชื่อว่ามีอีกหลายคนที่เจอแบบตนแล้วเรื่องเงียบ และเชื่ออีกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ตนถูกล่อซื้อ ตนอยากให้สื่อช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตน อยากให้ผู้บัญชาการ ภาค 7 ตอบคำถามเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเกินกว่าเหตุ และฝากถึงท่าน ผบ.ตร. ช่วยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ และให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
ด้านนายชาติ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุน้องไอซ์โทรหาตนเพื่อให้เข้าไปช่วยดูเรื่องเอกสารการส่งคืนรถและคืนค่ามัดจำ แต่ทนายของน้องไอซ์ไม่ได้มาด้วยตนจึงเข้าไปช่วย หลังจากนั้นน้องไอซ์และเจ้าของรถบรรทุกมาถึงตนได้ตรวจสอบเอกสารของรถและมีการตรวจสภาพรถ เจ้าของรถได้ชวนน้องไอซ์ไปจ่ายเงินที่บริเวณหน้าปั๊มกัน 2 คน ตนจึงเดินตามเข้าไปทีหลัง แต่หลังจากที่น้องไอซ์กำลังเคลียร์เรื่องเงินได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนเข้ามาล็อคตัวน้องไอซ์ไว้ ตนจะเข้าไปช่วยเหลือกลับถูกเข้าล็อคตัวและเข้ามากระทืบซ้ำ บอกว่าตนเป็นแก๊งตบทรัพย์ ซึ่งตนอธิบายว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแค่เข้ามาดูเรื่องเอกสารให้ แต่ก็ไม่ฟังและใส่กุญแจมือลากตนมาที่สภ.ปากท่อ
จากนั้นมีสารวัตรเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นตำรวจจากจ.นครปฐม บอกว่าตนมีข้อหากรรโชกทรัพย์ร่วมกับน้องไอซ์ เจ้าของรถบรรทุกที่ให้เช่าแจ้งว่าจะดำเนินคดีกับน้องไอซ์คนเดียว ตำรวจจึงปลดกุญแจมือตนออก วันรุ่งขึ้นตนจึงเข้าไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทั้งหมด 15 คน แต่ผ่านมานานกว่า 5 เดือนคดีไม่คืบ วันนี้ตนจึงตัดสินใจมาร้องที่ ป.ป.ช. และจะไปที่สำนักนายกฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะไปอีกหลายๆ ที่ที่เกี่ยวข้อง ก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่ติดต่อมาว่าจะขอเคลียร์และดูแลเรื่องค่าเสียหาย แต่ตนไม่รับเพราะอยากดำเนินคดีกับตำรวจทั้งหมด
นายชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขณะนั้นตนเป็นที่ปรึกษา กต.ตร.จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนดูแลตำรวจมามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่กลับถูกตำรวจมากระทืบเสียเอง ตนจึงลาออกจากตำแหน่งเพราะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่มาโดนแบบนี้ ขนาดเป็น กต.ตร. ยังโดนตำรวจกระทืบแล้วถ้าเป็นประชาชนจะเหลืออะไร”