นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วยสภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ยื่นหนังสือแสดงจุดยืนต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทยเป็นวันละ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ให้กับนายกรัฐมมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 67 เนื่องจากภาคเอกชนมีความกังวลในเรื่องนี้อย่างมาก แม้จะเห็นด้วยกับการยกระดับรายได้ของแรงงานไทย เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงผู้ประกอบการไทย มีความผันผวนและเปราะบางจากภูมิรัฐศาสตร์ การขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ 400 บาท ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจ และสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่นั้น จะทำให้เกิดการเลิกจ้างและลดการจ้างงาน จะกระทบต่อความสมดุลของอัตราการว่างงานของประเทศ
นอกจากนี้จะส่งผลกระทบถึงการย้ายฐานการผลิต ของผู้ประกอบการไทยและต่างชาติที่ลงทุนในประเทศ เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ จะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย, เงินเฟ้อ และค่าครองชีพสูงขึ้น สุดท้ายประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์จากการปรับค่าแรงแต่อย่างใด หากจะปรับขึ้นต้องคำนึงถึงมติคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และควรใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ที่จะต้องสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ และการปรับที่ไม่คำนึงถึงเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ขัดกับหลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการหยุดกิจการ ลดขนาดกิจการ หรือปรับธุรกิจออกนอกระบบภาษี จนนำไปสู่การปลดลูกจ้างและเลิกจ้างเพื่อลดให้อยู่รอด
ทั้งนี้การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรจะปรับเมื่อมีเหตุจำเป็นและปัจจัยทางเศรษฐกิจบ่งชี้ แต่ไม่ควรเกินปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และจะต้องดำเนินการตามกระบวนการ/ขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่หากรัฐบาลต้องการปรับค่าจ้างแบบจำเพาะ ก็ควรศึกษาความพร้อมของแต่ละประเภทกิจการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความแตกต่างของผู้ประกอบการประเภทกิจการในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนข้อจำกัด ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ และศักยภาพในการแข่งขันของแต่ละประเภทกิจการ
อย่างไรก็ตาม กกร. สนับสนุนการจ่ายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เพื่อให้สามารถลดต้นทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน กกร. สนับสนุนให้เร่งรัดประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติซึ่ง 280 สาขา จากปัจจุบัน 129 สาขา ให้ขยายสาขาอาชีพมาตรฐานฝีมือ รวมทั้งอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแรงงานไทย
รวมทั้งขอให้รัฐบาลมีมาตรการดูแลค่าครองชีพ เพื่อลดผลกระทบประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ โดยส่งเสริมมาตรการทางภาษี มาตรการลดเงินสมทบประกันสังคม มาตรการส่งเสริมการปรับปรุงเครื่องมือและเครื่องจักร มาตรการส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ เพื่อลดผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เป็นต้น