เมื่อเวลา 09.03 น. วันที่ 11 ธ.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะขอถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม กลับไปปรับปรุงแก้ไขใหม่ หลังมีกระแสตีกลับมาว่า ร่างดังกล่าวเป็นร่างส่วนตัวของนายประยุทธ์ ในฐานะที่เป็น สส. ซึ่งก็เป็นสิทธิและต้องดูว่าจะปรับอย่างไร เพราะนายประยุทธ์เป็นคนเสนอร่าง แล้วก็ไม่ได้มีการเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย โดยเรื่องนี้ก็ยังไม่เข้าที่ประชุมของพรรค เพราะฉะนั้นก็ต้องแล้วแต่นายประยุทธ์ ตนมองว่าเป็นแนวทางที่ดีที่นายประยุทธ์ ได้ฟังเสียงจากหลายฝ่ายและนำไปปรับใหม่

เมื่อถามว่า มองว่ามีส่วนไหนในร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่จะต้องถอนออกไปก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนคิดว่าให้นายประยุทธ์ตัดสินใจดีกว่า เพราะนายประยุทธ์เป็นคนร่างขึ้นมา เท่าที่ตนฟังก็มีบางเรื่องที่ถูกคัดค้าน บางเรื่องก็ได้รับการสนับสนุน เพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้เราทำเพื่อที่จะให้มีการแก้ไขปัญหา โดยให้แต่ละฝ่ายช่วยกันพิจารณา ช่วยกันดู และสามารถทำให้ตอบสนองความถูกต้องความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยไม่สะเทือนถึงการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ

เมื่อถามต่อว่าได้เห็นร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมแล้วหรือไม่ เนื่องจากคงอำนาจให้ นายกรัฐมนตรี สั่งพักราชการทหารที่คิดทำรัฐประหาร ตรงนี้ส่วนตัวเห็นว่า ควรให้คงอำนาจนี้ไว้หรือตัดทิ้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนได้เห็นร่าง พ.ร.บ. แล้ว แต่เป็นร่าง พ.ร.บ. สมัยที่ นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม เสนอเข้าที่กลาโหมเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า โดยเมื่อวานนี้ (10 ธ.ค. 2567) ตนได้ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ที่ประกอบด้วยหลายส่วน เช่น กฤษฎีกา สภาพัฒน์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม ก็มีการเสนอแนะกันหลายประเด็นและมีความเห็นของหลายส่วน ที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม รวมถึงเพิ่มเติม โดยทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ได้รับเรื่องทั้งหมดไว้ทบทวน ซึ่งตนได้ย้ำว่าหากจะทบทวนก็ให้ส่งกลับเข้ามาเร็วที่สุด จะได้ประกบร่างของฝ่ายค้านที่ยื่นเอาไว้แล้ว จากนี้ก็รอให้ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสมและกระบวนการ

เมื่อถามต่อว่าในที่ประชุมได้มีการเสนอให้ทบทวนหรือแก้ไขอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้กระทรวงกลาโหมกลับไปพิจารณาก่อน สิ่งที่เสนอมามีเรื่องไหนที่เห็นตรงกัน ส่วนที่เห็นต่างก็ยังอยู่ในคณะกรรมการกลั่นกรองที่สามารถพูดคุยกันได้

เมื่อถามต่อว่าในส่วนตัวจะให้คงอำนาจนายกฯ ในการสั่งพักราชการทหาร เพื่อสกัดรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอกลับไปดูข้อสังเกตของทุกฝ่าย เพื่อหาสิ่งที่ที่ดีที่สุดดีกว่า

เมื่อถามอีกว่าปัจจุบันการป้องกันการรัฐประหารกฎหมายเพียงพอหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กฎหมายการป้องกันรัฐประหารมีอยู่แล้ว ซึ่งรุนแรงมากกว่าร่าง พ.ร.บ.ของกระทรวงกลาโหม เสียอีก รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด ได้ระบุไว้แล้วว่าการทำรัฐประหารเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ก็เป็นกบฏ แต่ในความเป็นจริงควรเป็นเรื่องให้ทุกฝ่ายเห็นว่าอะไรคือหนทางในการระงับยับยั้งการทำรัฐประหาร เช่น การสร้างวัฒนธรรมการยอมรับประชาธิปไตยให้พัฒนาต่อเนื่องเหมือนกับต่างประเทศ 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนมองว่าประชาธิปไตยไทยพัฒนามาพอสมควร แต่ต้องให้เวลา ต้องมีกระบวนการที่พัฒนาต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น อยากเรียกร้องให้ทุกส่วนใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีข้อขัดข้อง แต่เชื่อว่าบรรยากาศที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ทุกฝ่ายพูดคุยกันได้หมด ก็ไม่มีปัญหา รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว หรือมีความขัดแย้งจนเป็นเรื่องเป็นราว ปัญหายังไม่เกิดเพียง แต่มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ที่ค้างคาและเป็นเรื่องที่ค้างคาในสังคมมานานแล้ว ก็ให้เขาไปดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสมดีกว่า

เมื่อถามอีกว่าเมื่อวานนี้ (10 ธ.ค. 2567) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ยกโมเดลเกาหลีใต้ ให้เพิ่มบทลงโทษลงไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอไม่ก้าวล่วงความเห็นของประธานสภา ซึ่งปัจจุบันมีความเห็นมากมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เราก็รู้ดีว่าปัญหานี้ดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไปดูสาเหตุด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เสนออย่างหนึ่งขึ้นมาแล้วจะแก้ปัญหาได้หมดสิ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน เรื่องไหนไม่เหมาะสม ผิดหลักการ ก็ต้องแก้ไข รอให้มีพัฒนาการจนมีความเห็นที่สอดคล้องกัน