เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับรายงานว่าขณะนี้มีสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ได้รับผลกระทบกว่า 1,700 แห่ง ใน 10 จังหวัดภาคใต้ และ 29 เขตพื้นที่การศึกษา โดย สพฐ. ได้จัดถุงยังชีพลงช่วยเหลือครอบครัวนักเรียน และสถานศึกษาแล้ว หลังจากนั้นจะประสานทุกภาคส่วนในการเยียวยาฟื้นฟูสถานศึกษาหลังน้ำลดต่อไป เพื่อให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตนยังได้สั่งให้เขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตเตรียมความพร้อมรองรับการใช้งานระบบจับคู่ย้ายข้าราชการครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือระบบ Teacher Rotarion System (TRS) ซึ่งขอให้เขตพื้นที่เตรียมเจ้าหน้าที่รองรับระบบดังกล่าวให้เพียงพอ พร้อมกับประชาสัมพันธ์ถึงการใช้งานระบบ TRS ให้ครูในสังกัดได้รับทราบถึงขั้นตอนการใช้งานระบบนี้อย่างเป็นธรรมการยื่นประสงค์ขอย้าย ซึ่งที่สำคัญจะต้องทำให้ลดภาระงานครูด้านการจัดทำเอกสารการย้ายและการเดินทางมายื่นเอกสารที่เขตพื้นที่ด้วยตัวเอง เนื่องจากบางเขตพื้นที่อยู่ห่างไกลกับสถานศึกษา ขณะเดียวกันในการประชุมดังกล่าวยังได้รับทราบข้อมูลการติดตามเด็กหลุดระบบการศึกษาตามนโยบาย “OBEC Zero Dropout” หรือ “สพฐ. ไม่มีเด็กตกหล่นหรือออกกลางคัน” และโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” ซึ่งพบว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 2 ได้ติดตามเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาครบ 100% ดังนั้นตนจึงให้ สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 ได้เป็นเขตพื้นที่ต้นแบบของเรื่องนี้ และขอให้ทุกเขตพื้นที่การศึกษาได้นำต้นแบบดังกล่าวมาเป็นตัวอย่างขับเคลื่อนในการตามเด็กที่หลุดระบบการศึกษาให้เหลือศูนย์ด้วย