“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์ ” รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วันนี้ (19 ธ.ค. 67) ฝ่ายการช่างกล จะเสนอขอความเห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน จำนวน 182 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 10,502 ล้านบาท เพื่อให้รถโดยสารเชิงพาณิชย์เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และรองรับการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ด้วย

ขณะที่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง จะเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 60 โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษ เพื่อกำกับโครงการรถไฟความเร็วสูง ให้ดำเนินการได้ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้เป็นองค์กรอิสระจาก รฟท.

เนื่องจากมีการศึกษาเบื้องต้นพบว่า การจัดตั้งองค์กรฯ ไม่คุ้มค่า และมีภาระค่าใช้จ่ายสูง ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ในการเดินรถไฟความเร็วสูง เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐ หากบอร์ด รฟท. เห็นชอบ จะเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณา

หากเห็นชอบ รฟท. จะศึกษารูปแบบ PPP ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 6-8 เดือน จึงจะได้ข้อสรุปเสนอกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการ PPP และเสนอ ครม. พิจารณาอีกครั้ง ส่วนเรื่องการกำกับดูแล มีกรมการขนส่งทางราง และ รฟท. ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ รฟท. จะเสนอขออนุมัติขยายเวลาตามสัญญา และแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสที่ 1 สัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร, สัญญาที่ 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ และสัญญาที่ 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี เนื่องจากทั้ง 3 สัญญาติดปัญหาการดำเนินงาน โดยเฉพาะเรื่องการส่งมอบพื้นที่เวนคืน และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค อาทิ ท่อน้ำมัน ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ส่งผลให้การก่อสร้างล่าช้ามาก ขณะนี้เแก้ปัญหาได้เกือบทั้งหมดแล้ว

โดยสัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.80 กม. วงเงิน 10,570 ล้านบาท มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นผู้รับจ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน เริ่มงาน 20 ม.ค. 65 สิ้นสุด 3 ม.ค. 68 ขอขยายเวลา 641 วัน ไปสิ้นสุดวันที่ 7 ต.ค. 69 ผลงานล่าสุด 1.45% ล่าช้า 98.01%

สัญญา 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ ระยะทาง 23 กม. วงเงิน 11,525 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า CAN (บจ.ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่นฯ, บจ.เอ.เอส.แอส โซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) และ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ) เป็นผู้รับจ้าง  ระยะเวลาตามสัญญา 1,080 วัน ขอขยาย 452 วัน นับจากวันสิ้นสุดสัญญา 23 ม.ค. 68 ไปสิ้นสุด 20 เม.ย. 69 ผลงานล่าสุด 44.59% ล่าช้า 55.07% 

สัญญาที่ 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ระยะทาง 31.60 กม. วงเงิน 9,429 ล้านบาท มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็น ผู้รับจ้าง ระยะเวลาตามสัญญา 1,080 วัน เริ่มงาน 20 ม.ค. 65 สิ้นสุด 3 ม.ค. 68 ขอขยาย 780 วัน ไปสิ้นสุด 23 ก.พ. 70
ผลงานล่าสุด 8.57% ล่าช้า 90.27%

สำหรับภาพรวมการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 14 สัญญา ระยะทาง 357 กม. วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท เริ่มก่อสร้างปี 60 ผลงานล่าสุด (ณ วันที่ 25 พ.ย. 67) 38.07% ล่าช้า 39.98%  (แผนงาน 78.05%) ก่อสร้างเสร็จ 2 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอลงนามสัญญา 2 สัญญา ยังคงแผนการเปิดบริการที่ปรับใหม่ล่าสุดอยู่ที่ปี 71