เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2567 นายธนกฤต ระวาดชัย นายก อบต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยต่อทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลางต่อปัญหา 7 ชั่วโคตรที่กระทบต่อประชาชนว่า กระแสข่าวที่ว่าจะให้เจ้าหน้าที่รัฐไปตั้งกรรมการตรวจสอบพระ เอาผิดวินัยสงฆ์-ผู้นำชุมชน ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมร่วมกับประชาชนในพื้นที่มีอยู่จริง มีการสั่งการมาด้วยปากเปล่าและมีการสื่อสารมายังพื้นที่ กรณีนี้ตนในฐานะเป็นผู้นำท้องถิ่นเป็นผู้บริหาร รู้สึกไม่ดีต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะปัญหาการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณนี้เป็นหนึ่งใน 8 โครงการ “7 ชั่วโคตร” ที่ผู้รับจ้างก่อสร้างไม่เสร็จ และส่งงผลกระทบต่อตลิ่งบริเวณวัดลำชีศรีวนาราม ทำให้อาคารทรุดชำรุดเสียหายเป็นที่ประจักของคนทั่วไป อีกทั้งยังตรงจุดพื้นที่ที่ ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ปช. นำคณะ กมธ.ป.ป.ช. มารับฟังปัญหาความเดือดร้อนและรับฟังความคับแค้นใจของพี่น้องประชาชนที่ต้องเสียประโยชน์จากปัญหาการทิ้งงานของผู้รับจ้าง

“…การที่สร้างไม่เสร็จทิ้งงาน ยังทำให้ชาวบ้านนอนผวากับอุทกภัยในบริเวณนี้ แต่กลับมีเหตุการณ์ที่จะไปสอบพระ-ผู้นำชุมชน ทำให้ประชาชนเสียกำลังใจขาดความเชื่อมั่นต่อระบบการบริหารราชการ จึงทำให้เชื่อได้ว่าปัญหาก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ที่ไม่มีความคืบหน้าล่าช้าทิ้งงานดึงเรื่อง ไม่เข้ามาดูแลช่วยเหลือแก้ไขให้กับประชาชน ก่อนที่จะมีการยกเลิกสัญญา ก็เพื่อที่จะปกป้องผู้รับจ้างมากกว่าปกป้องพี่น้องประชาชน ในฐานะที่ตนเป็นผู้บริหารท้องถิ่นดูแลพื้นที่ตรงนี้ ก็จะขอยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อความถูกต้องและเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน” นายก อบต.เจ้าท่า กล่าวและเผยต่อไปว่า
ขณะนี้ชาวบ้านตำบลเจ้าท่า ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายปกครองโดยเฉพาะในส่วนของสำนักพุทธฯ ว่าจะมีการดำเนินการอะไรกับ “พระครู” ที่ออกมาดูปัญหาร่วมกันกับชาวบ้าน และหากมีการเข้ามาสอบสวนหรือไม่ หากเกิดขึ้นคงจะวุ่นวายขอให้หยุดพฤติกรรมนี้และให้รักประชาชนเพื่อหยุดระบบอุปถัมภ์ ทางกลับกันควรจะสาวไปถึงบุคคลที่บงการอยู่เบื้องหลังว่า ใครเป็นคนสั่งการให้ทำเช่นนี้ ทั้งนี้โครงการ 7 ชั่วโคตร ประชาชนทุกคนรู้กันดีว่า 2 หจก.ขาใหญ่ คือใคร เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน และ สส. จนทำให้เกิดดระบบอุปถัมภ์โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ที่เดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน หากปล่อยไว้เช่นนี้ ประชาชนคนกาฬสินธุ์ คงจะอยู่กันลำบากแน่นอน ทางออกสุดท้ายก็ต้องขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแล ปัดเป่าปัญหานี้ให้คนกาฬสินธุ์ด้วย

มีรายงานแจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเขต 12 เป็น อดีต ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้ไปตรวจราชการที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อแนะนำแนวทางการทำงานของศูนย์ดำรงธรรม มีนายภัทรพล ลักษณาวิบูลย์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ชี้แจงการทำงานและรับนโยบาย ปรากฏมี นายอัมพร อิ่มเสถียร อายุ 58 ปี อดีตข้าราชการ อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ บริเวณถนนเกษตร-หัวโนนโก จุดก่อสร้างติดป้ายประณาม 7 ชั่วโคตร เข้ามาร้องทุกข์ ปัญหา 7 ชั่วโคตร ที่กระทบต่อความเป็นอยู่ และยังมีปัญหาแรงงานก่อสร้างค้างค่าอาหารเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท ที่ อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและรับปากว่าจะแก้ไขให้แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด

หลังจากนายศุภศิษย์ รับฟังได้ลงพื้นที่และประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทันที และได้เดินทางเข้าพบนายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ก่อนที่นายจารุวัฒน์ จะสั่งการเจ้าหน้าที่กองช่างฯ ดำเนินการซ่อมแซมถนนหัวโนนโก-เกษตรข้างห้างบิ๊กซี ที่เป็นหลุมบ่อเสร็จเรียบร้อย ขณะที่ถนนพร้อมพรรณอุทิศ จะได้ดำเนินการขนย้ายสิ่งกีดขวางทางจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้แล้วเสร็จ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น รวมทั้งป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้
นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขต 12 อดีต ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร เหตุมาจากผู้รับเหมาทิ้งงาน เริ่มเป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2562 เป็นโครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ และต่อมาทราบว่าปัญหาขยายตัวตามจุดก่อสร้าง อีก 7 โครงการ ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์อีก 3 จุดคือ เขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง, เขื่อนป้องกันตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำและเขื่อนป้องกันตลิ่งชุมชนซอยน้ำทิพย์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์, เขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชีวัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย เขื่อนปล้องกันวัดลำชีศรีวรามราม และเขื่อนป้องกันตลิ่งบ้านหนองหวาย-หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ และผู้รับจ้างทิ้งงานในลักษณะเดียวกันด้วย

“ทั้งนี้ ตนได้มาลงพื้นที่ตรวจราชการตามปกติ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยสอบถามปัญหาความเดือดร้อนและความคืบหน้าจากส่วนราชการ นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้ผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งแรงงานที่ไม่ได้เงินค่าจ้าง หรือผู้ประกอบการ ร้านค้าขาย ได้นำหลักฐานมายื่นกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการไกล่เกลี่ย และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยจากการลงพื้นที่ฯ ทราบว่าทางกรมโยธาฯ ได้ยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างรายเดิมทั้ง 8 โครงการแล้ว ในส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทราบว่า โครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ได้ผู้รับจ้างรายใหม่แล้ว ซึ่งจะเริ่มลงมือทำงานในเร็วๆ นี้ ขณะที่โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดท่าใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย ก็ได้ผู้รับจ้างรายใหม่ภายในเดือน ธ.ค. ส่วนอีก 6 โครงการคาดว่าได้ผู้รับจ้างรายใหม่ภายในเดือน ก.ค. 68”
นายศุภศิษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ตนเป็นดำรงตำแหน่งรักษาการ ผวจ.กาฬสินธุ์ ต่อเนื่องถึงได้รับการแต่งตั้งเป็น ผวจ.กาฬสินธุ์ (2 ธ.ค. 2565-30 ก.ย. 2566) เคยทราบปัญหานี้ และพยายามประสานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางแก้ไขตลอด ทั้งฤดูฝน ฤดูแล้ง ซึ่งสามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบได้ในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี ซึ่งได้ทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวเมืองกาฬสินธุ์ ตามเป็นประเด็นทางสื่อโซเชียล หนังสือพิมพ์ จนกระทั่งถึงวันนี้ ได้มาดูพื้นที่และผลกระทบแล้ว เห็นว่าสภาพปัญหายังเหมือนเดิม ป้าย “7 ชั่วโคตร” ก็ยังคงอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้รับเหมาไม่รับผิดชอบ และปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องเยียวยาพี่น้องประชาชนก่อน ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าว ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ตระหนักในปัญหาความเดือดร้อน และเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงได้ลงพื้นที่ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น บรรเทาความเดือดร้อนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้.