จากกรณีพบศพ น.ส.ดวงตา (สงวนนามสกุล) หรือ เจนนี่ อายุ 45 ปี ชาวจ.ศรีสะเกษ ในเกสต์เฮาส์พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเบื้องต้นแพทย์ชันสูตรแล้วพบว่าเสียชีวิตมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ขณะที่ นายเอเรนนาช แบร์รัค หรือ แบรี่ อายุ 71 ปี ชาวไอซ์แลนด์ คู่ขานอนเฝ้า และไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าไม่คิดว่าเธอเสียชีววิต และอ้างว่า ไม่ได้กลิ่นศพ ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน วานนี้ (23 ธ.ค.67) พ.ต.อ. นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ร่วมกับ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 จังหวัดชลบุรี ทำการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอของ นายแบร์รี่ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.เจนนี่ หรือไม่ โดยเจ้าตัวให้การอ้างว่าเหตุที่ไม่ได้กลิ่นศพก็เพราะ เคยเป็นทหารผ่านศึก ได้เข้ารับการผ่าตัดสมองจนทำให้สูญเสียการได้กลิ่น อีกทั้งยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนลงมือทำร้ายผู้ตาย แต่อ้างว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายไปโดนคนทำร้ายมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร

อย่างไรก็ตาม ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ความผิดตามมาตรา 366/3 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิ หรือเถ้าของศพ ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งทำการอายัดตัวห้ามเดินทางนอกประเทศ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตยังต้องรอผลจากสถาบันนิติเวช อีกครั้ง
ด้าน นายหนุ่ม (นามสมมุติ) เจ้าของเกสต์เฮาส์ เปิดเผยว่า นายแบร์รี่ มาเช่าห้องแบบรายเดือนตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ระหว่างที่มาอาศัยอยู่เป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา และผู้หญิงไทยที่พาขึ้นไป ก็ไม่เคยซ้ำหน้า ที่น่าแปลกใจก็คือ หลังจากผู้ตายเสียชีวิต สภาพศพย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ตัวแข็งไปจนถึงขึ้นอืดอยู่บนเตียง แต่ทำไมถึงอ้างว่าไม่รู้ เชื่อว่าผู้ตายน่าจะเสียชีวิตในคืนวันที่ 18 หลังจากที่ผู้ตายเข้าไปในห้องกับ นายแบร์รี่
ขณะที่ น.ส.นก (นามสมมุติ) เพื่อนสาวรุ่นพี่ของ น.ส.เจนนี่ เล่าให้ฟังว่า เมื่อเย็นวันที่ 18 ธ.ค. ผู้มาบ่นให้ฟังว่าไปถูกฝรั่ง “ใช้กำปั้นยัดปาก” แล้วก็โชว์แผลฟกช้ำตามริมฝีปากและโหนกแก้มขวา จึงแนะนำให้ไปแจ้งความ แต่ว่าผู้ตายปฏิเสธ ก่อนจะบายเรื่อง นายแบร์รี่ ให้ฟังอีก จึงแนะนำให้เลิกคบหาโดนไปควงผู้ชายใหม่ ไม่ต้องไปสนใจเขาอีก ซึ่งผู้ตายบอกว่า “..เอาอย่างนั้นหรือพี่..” จากนั้นก็เดินจากไป และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกัน

น.ส.นก เล่าอีกว่า จากนั้นเช้า วันที่ 19 ธ.ค. ตนได้พบกับ นายแบร์รี่ ก็พยายามถามว่า เจนนี่ ไปไหน อีกฝ่ายก็บอกว่า “…ไปกับชายอื่นแล้ว แล้วก็ไม่มีวันจะกลับมาแล้ว…” พอได้ยินตนก็เข้าใจว่า เจนนี่ คงทำตามที่ตนเองแนะนำ ในเรื่องให้ไปหาผู้ชายใหม่ จากนั้นตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งวันที่ 22 ธ.ค. มีคนพบศพ เจนนี่ โดยก่อนหน้าที่จะพบศพ 2 ชม. ตนก็ยังเจอกับ นายแบร์รี่ พอถามเหมือนเดิมว่า “…เจนนี่ไปไหน…” นายแบร์รี่ ก็ยังคงตอบคำถามเดิมว่า “…เจนนี่ไปสบายแล้ว เธอได้ผู้ชายใหม่แล้ว…” จากนั้นก็มาทราบข่าวว่า เจนนี่ เสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นช็อกมาก และสงสัยว่าทำไม นายแบร์รี่ ต้องโกหกกัน
ด้านน.ส.สวน (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี เจ้าของห้องพักที่ น.ส.เจนนี่ ผู้ตาย มาเช่าอยู่อาศัยเปิดเผยว่า วันที่ 22 ธ.ค. ตำรวจมาตรวจสอบห้องพัก ทางเจ้าหน้าที่้พยายามเปิดไฟในห้อง แต่กดสวิตช์ เปิด-ปิด เท่าไหร่ ไฟไม่ก็ติด ตำรวจจึงใช้ไฟฉายส่องหาเอกสาร ก็ไปพบสมุดบัญชีธนาคาร แต่ไม่มีชื่อระบุยืนยันตัวผู้เป็นเจ้าของบัญชี ตำรวจพยายามรื้อค้นอยู่นาน แต่ก็ไม่พบเอกสารใดๆ ระหว่างที่ตำรวจกำลังจะเดินออกจากห้องพัก จู่ๆ ไฟในห้องก็เกิดเปิดติดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งในจังหวะนั้น ก็หันไปเจอบัตรประชาชนของผู้ตายวางอยู่บนกองเสื้อผ้า ก่อนจะหันมาถามตนว่า “…ใช่ของผู้ตายหรือไม่…” ซึ่งตนเองก็ตอบยืนยัน ว่าใช่ จากนั้นตำรวจก็บอกว่า “…เธอตายแล้ว…” พอได้ยินก็ยอมรับว่าตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ผู้ตายเพิ่งพา ชาวต่างชาติผิวสี ( นิโกร ) ขึ้นมาร่วมหลับนอนในห้องพักดังกล่าว ก่อนจะเป็นศพอยู่ที่ห้องพักกับฝรั่งอีกคนเป็นชาวไอซ์แลนด์

สำหรับการไล้ไทม์ไลน์ในคดีนี้ ตำรวจพบว่า เวลา 02.17 น. วันที่ 16 ธ.ค. 67 น.ส.เจนนี่ นั่งวินจยย. มากับผู้ชายผิวสีจูงมือพาขึ้นไปบนห้องพัก ก่อนจะกลับลงมาในเวลา 14.16 น. โดยเข้าไปในบาร์เบียร์ที่มี นายแบร์รี่ นั่งอยู่ด้วย จากนั้นถัดมาอีก 2 ชม.ในวันเดียวกัน นายแบร์รี่ ก็พาผู้หญิงคนใหม่ขึ้นไปบนห้องพัก นอกจากนี้ยังพมีไทม์ไลน์ในช่วงเวลา 15.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. 67 พบว่า นายแบร์รี่ อยู่กับ น.ส.เจนนี่ ที่บาร์เบียร์ใกล้กับที่พัก ซึ่งทั้งสองกำลังพูดคุยเคลียร์ปัญหากัน กระทั่ง เวลา 21.01 น. นายแบร์รี่ได้พยายามพาผู้ตายขึ้นไปบนห้อง จากนั้นผู้ตายก็ไม่เคยออกจากห้องอีกเลย กระทั่งมาพบเป็นศพเสียชีวิตดังกล่าว.