ในเดือน ม.ค. นี้ ชัดเจนว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้ ความแตกต่างคู่รักในโลกยุคใหม่จะเป็นอย่างไร “ทีมข่าวอาชญากรรม” มีโอกาสสอบถามกับ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อสะท้อนให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในทางกฎหมาย

นายกสภาทนายความ เริ่มไล่เรียง “สิทธิประโยชน์” การสมรสเท่าเทียมมี ดังนี้

1.กำหนดให้บุคคล 2 คน ไม่ว่าเพศใด สามารถทำการ “หมั้น” หรือ “สมรส” กันได้

2.มีการแก้ไขคำว่า “ชาย” “หญิง” “สามี” “ภริยา” และ “สามีภริยา” เป็น “บุคคล” “ผู้หมั้น” “ผู้รับหมั้น” และ “คู่สมรส” เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมคู่หมั้น หรือคู่สมรส ไม่ว่าจะมีเพศใด

3.เพิ่มเหตุเรียกค่าทดแทน และเหตุฟ้องหย่าให้ครอบคลุม กรณีคู่หมั้น หรือคู่สมรสฝ่ายหนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นเพศใด (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 1445 และมาตรา 1516 (1))

(มาตรา 1445 คู่หมั้นฝ่ายหนึ่งอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของตน หรือผู้ซึ่งกระทำกับคู่หมั้นของตนเพื่อสนองความใคร่ของผู้นั้น หรือคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้น เมื่อได้บอกเลิกสัญญาแล้วตามมาตรา 1442 หรือ 1443 แล้วแต่กรณี

มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่า (1) กรณีคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่สมรส เป็นชู้หรือมีชู้ร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ หรือกระทำกับผู้อื่นหรือยอมรับการกระทำของผู้อื่นเพื่อสนองความใคร่ของตนหรือผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้)

4.แก้ไขเงื่อนไขระยะเวลาการสมรสใหม่ ตามมาตรา 1453 ให้ใช้เฉพาะกับกรณีหญิงที่มีชายเป็นคู่สมรสเดิมจะสมรสใหม่กับชายเท่านั้น (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 1453)

(มาตรา 1453 หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตายหรือที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่นจะทำการสมรสใหม่กับชายได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ (1) คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น (2) สมรสกับคู่สมรสเดิม (3) มีใบรับรองแพทย์ประกาศนียบัตรหรือปริญญาซึ่งเป็นผู้ประกอบการรักษาโรคในสาขาเวชกรรมได้ตามกฎหมายว่ามิได้ตั้งครรภ์ หรือ (4) มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้)

5.กำหนดให้มาตรา 1504 วรรค 2 กรณีหญิงมีครรภ์ก่อนอายุครบ ตามมาตรา 1448 มีผลใช้บังคับเฉพาะกรณีการสมรสระหว่างชายหญิงเท่านั้น (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1504)

(มาตรา 1504 ให้ยกเลิก และใช้ข้อความต่อไปนี้แทน ถ้าศาลมิได้สั่งให้เพิกถอนการสมรสจนบุคคลทั้งสองมีอายุครบตามมาตรา 1448 หรือในกรณีการสมรสระหว่างชายหญิง เมื่อหญิงมีครรภ์ก่อนอายุครบตามมาตรา 1448 ให้ถือว่าสมรสสมบูรณ์มาตั้งแต่เวลาสมรส)

6.แก้ไขการอ้างอิงเลขมาตราที่บัญญัติเกี่ยวกับการร้องขอต่อศาล ให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1508 วรรค 2)

(มาตรา 1508 ให้ยกเลิก และใช้ความต่อไปนี้แทน ในกรณีที่ผู้มีสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถให้บุคคลซึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา 28 ขอเพิกถอนการสมรสได้ด้วย

แต่ถ้าผู้มีสิทธิขอเพิกถอนการสมรสเป็นคนวิกลจริตที่ศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ บุคคลดังกล่าวจะร้องขอเพิกถอนการสมรสก็ได้ แต่ต้องขอให้ศาลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถพร้อมกันด้วย ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำขอให้ศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถก็ให้ศาลมีคำสั่งยกคำขอเพิกถอนการสมรสของบุคคลดังกล่าวนั้นเสียด้วย)

นายกสภาทนายความ ระบุ กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 68 เป็นต้นไป นับเป็นของขวัญปีใหม่การรับรองสิทธิและความเสมอภาคทั้งหญิงและชาย ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดเรื่องความเสมอภาคและความเท่าเทียมของหญิงและชาย สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมใช้บังคับ สิ่งที่ควรต้องทำความเข้าใจโดยสาระสำคัญคือ

“การหมั้น” สามารถจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์

“การสมรส” จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนได้

“การจดทะเบียนสมรส” จะทำได้ต่อเมื่อบุคคล 2 คน ได้ตกลงยินยอมเป็นคู่สมรสกันและแสดงความยินยอมให้ปรากฏ โดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียน และให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้น

“การหย่า” จะสมบูรณ์ต่อเมื่อทำการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายนี้ การหย่านั้นต้องโดยความยินยอม และจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคู่สมรสได้จดทะเบียนหย่ากับนายทะเบียน

“การจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส” ที่ทำมาหาได้ร่วมกัน หรือการดูแลผลประโยชน์ต่าง ๆ ของทรัพย์สิน รวมถึงการจัดการหนี้สินร่วมกัน สิทธิประโยชน์และสวัสดิการได้รับจากรัฐ ในฐานะของคู่สมรส

“ความยินยอมในการรักษาพยาบาล” สามารถทำได้

“การเป็นผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์” ในกรณีที่ศาลสั่งให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

“การอุปการะเลี้ยงดูคู่สมรส” ซึ่งคู่สมรสจะต้องอุปการะเลี้ยงดูระหว่างกัน หรือระหว่างบิดามารดา บุตร

“การรับบุตรบุญธรรม” ร่วมกันในฐานะคู่สมรส ในการใช้สิทธิตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม ภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับใหม่นี้

นายกสภาทนายความ เผยจะเห็นได้ว่า ภายใต้บทบัญญัติกฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่สมรส LGBTQ+1 ที่จดทะเบียนตามกฎหมายนี้ หากต้องการรับบุคคลใดมาเป็นบุตรบุญธรรมก็สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ตามกฎหมายรับบุตรบุญธรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมวด 4 ว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม

เป็นอีกมิติของกฎหมายใหม่ที่ก้าวหน้า แปรเปลี่ยนเท่าทันยุคสมัย และไม่ควรพลาดจะเรียนรู้ไปด้วยกัน.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน