พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที เปิดเผยว่า เอ็นที ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ภาครัฐรายใหญ่รวมถึงระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (จีดีซีซี)  ได้ให้บริการมาแล้วกว่า 5 ปี โดยสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการใช้งานและบำรุงรักษาไม่น้อยกว่า 40% รวมถึงการตอบโจทย์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่ต้องจัดเก็บภายในประเทศ ล่าสุดเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศด้วยเทคโนโลยีบนคลาวด์ จึงได้เตรียมขยายการรองรับหน่วยงานภาครัฐโอนย้ายระบบงานขึ้นคลาวด์ในระยะต่อไป ภายใต้นโยบาย โก คลาวด์  เฟิร์ส ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มุ่งนำระบบงานรัฐขึ้นคลาวด์ทั้งหมดในปีหน้า

“ปัจจุบันระบบคลาวด์ จีดีซีซี ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยระบบเซิร์ฟเวอร์เสมือนกว่า 40,000 วีเอ็ม รองรับหน่วยงานภาครัฐใช้บริการกว่า 800 หน่วยงาน รวมกว่า 3,000 ระบบงาน ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลแบบแยกหน่วยงานและใช้งานแบบไซโล ข้อมูลบางส่วนสามารถเข้าถึงได้เฉพาะกลุ่ม หรือหลายฝ่ายไม่สามารถเข้าถึงชุดข้อมูลเดียวกันได้ เป็นสาเหตุให้การบูรณาการต่อยอดเทคโนโลยีด้านข้อมูลภาครัฐยังไม่เต็มที่เท่าที่ควร  จึงได้ยกระดับด้วยการพัฒนาคลาวด์กลางภาครัฐระยะต่อไปโดยคลาวด์เฟิร์สเป็นการผสมผสานไพรเวทและพับลิกคลาวด์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อรองรับสนับสนุนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ

พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวต่อว่า ภาครัฐยุคใหม่ทั่วโลกเปลี่ยนวิธีการทำงานในการพัฒนาบริการประชาชนที่สะดวกแบบวันสต็อป โดยใช้คลาวด์เต็มรูปแบบ เป็นเทรนด์ที่ภาครัฐไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยหัวใจสำคัญคือความร่วมมือบูรณาการข้อมูลภาครัฐแบบ โอเพ่น ดาต้า บนคลาวด์ที่จะเชื่อมไปสู่การใช้เทคโนโลยี เอไอ และ เจน เอไอ เพื่อให้เกิดการเทรนเอไอ ของภาครัฐด้วยข้อมูลของประเทศไทย  นำไปสู่การต่อยอดเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เอไอ บล็อกเชน สมาร์ตซิตี้ แพลตฟอร์มต่าง ๆ เมื่อทุกหน่วยงานภาครัฐพร้อมกันนำข้อมูลขึ้นมาบนคลาวด์และร่วมบูรณาการข้อมูลด้วยกัน

นอกจากนี้ ในการยกระดับความสามารถครบวงจรของระบบคลาวด์กลางภาครัฐดังกล่าว เอ็นที ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม CMP (Cloud Management Platform) ระบบบริหารกลางทำหน้าที่เชื่อมการทำงานร่วมกันระหว่างคลาวด์ระบบ GDCC และคลาวด์ระบบใหม่ที่รองรับ Open Data โดยความร่วมมือกับกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก เช่น AWS รวมถึงผู้ให้บริการไฮเปอร์สเกลคลาวด์รายอื่น ๆ  แพลตฟอร์ม CMP จะให้ความสะดวกหน่วยงานภาครัฐในการเลือกใช้บริการบนคลาวด์ที่เหมาะสมตามความต้องการในแต่ละงาน  พร้อมกับช่วยบริหารการจัดชั้นข้อมูล โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานในปีหน้า รองรับการบริหารคลังข้อมูลภาครัฐในระยะต่อไปที่จะมุ่งนำข้อมูลย้ายขึ้นคลาวด์มากขึ้นเพื่อเพิ่มการใช้บริการ PaaS และ SaaS ขณะที่บริการ IaaS หรือ GDCC จะเน้นสำหรับข้อมูลที่จำเป็นต้องเก็บในประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ภาพรวมการพัฒนาคลาวด์กลางยกระดับความพร้อมเพื่อรองรับการพัฒนานวัตกรรมด้าน AI และสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการต่าง ๆ ให้เข้าถึงประชาชนอย่างสะดวกรวดเร็ว