แม้มีกระแสมาพร้อมกับโอกาสกลับประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะเข้าข่ายระเบียบใหม่เอี่ยมนี้หรือไม่ แต่ที่แน่นอน…ระเบียบดังกล่าวเป็น “มิติใหม่” ที่น่าจะมีเสียงสะท้อนถึงกระบวนการรับโทษในหลายทิศทาง หลากมุมมอง โดยเฉพาะ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม
โฟกัสที่คนจับตามากสุด เพราะจะนำไปสู่ “สเปก” คุมขังนอกเรือนจำได้ “ทีมข่าวอาชญากรรม” สำรวจร่างระเบียบดังกล่าว ในส่วน “คุณสมบัติ” มีดังนี้
– ต้องเป็นผู้ต้องขังซึ่งได้รับการจำแนกลักษณะ ตามคู่มือจำแนกว่าเป็นผู้ต้องขังกลุ่มที่ 1 (มีแนวโน้มไม่กระทำผิดซ้ำ) หรือกลุ่มที่ 2 (แก้ไขได้) หรือเป็นผู้ต้องขังหญิงมีครรภ์ใกล้คลอด เพื่อให้เด็กได้คลอดนอกเรือนจำ
– เป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องโทษจำคุกครั้งแรก ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกครั้งแรก ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไม่ว่าในกรณีความผิดเดียวหรือหลายคดี โดยไม่ได้ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษอีกในมาตรา 92 หรือ 93 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอื่น และไม่เป็นผู้กระทำผิดซ้ำภายใน 5 ปี นับแต่พ้นโทษจำคุกครั้งก่อน โดยความผิดทั้งสองคราไม่ใช่ความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
– ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หากมีพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษ ให้ถือเอากำหนดโทษตามหมายแจ้งหลังสุด และเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 4 ปี กรณีจำคุกหลายคดี ให้ใช้กำหนดโทษจำคุกรวมทุกคดี
– ผ่านการจำแนกลักษณะจากคณะทำงานเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติต่อผู้ต้องขังรายบุคคล (Sentence Plan) หรือทบทวนแผนปฏิบัติ โดยนักโทษเด็ดขาดสมัครใจคุมขังสถานที่อื่นแทนเรือนจำ
– มีผลตามแบบประเมินความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขัง ก่อนได้รับการปล่อยตัวในระดับบเสี่ยงค่อนข้างน้อยหรือเสี่ยงน้อย
สำหรับ “ลักษณะต้องห้าม”
– ถูกขังระหว่างพิจารณา อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี หรือตำรวจมีหนังสือขออายัดตัว
– มีประวัติกระทำผิดวินัยในเรือนจำ หรืออยู่ระหว่างรับโทษหรือดำเนินการทางวินัย
– เคยถูกส่งออกไปคุมขังในสถานที่คุมขังอื่นและกระทำผิดเงื่อนไข หรือกระทำผิดอาญาขึ้นในระหว่างคุมขัง
– ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดต่อไปนี้
พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565, ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา, ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา, ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา, ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในกรณีพบเข้าข่ายรายสำคัญ หรือศาลมีคำพิพากษาจำคุกตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปถึงตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต หรือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งมีปริมาณของกลางดังนี้
เฮโรอีน 1 กก.ขึ้นไป, ยาบ้า 10,000 เม็ด หรือน้ำหนัก 1 กก.ขึ้นไป, ไอซ์ 200 กรัมขึ้นไป, ยาอี 1,000 เม็ด หรือน้ำหนัก 250 กรัมขึ้นไป, โคเคน 1 กก.ขึ้นไป, ฝิ่น 10 กก.ขึ้นไป, กัญชา 100 กก.ขึ้นไป, เคตามีน 1 กก.ขึ้นไป, มิดาโซแลม 500 เม็ดขึ้นไป
หรือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 145 วรรคสองและสาม ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ได้แก่ กระทำเพื่อการค้า, การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, การจำหน่ายแก่บุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี, การจำหน่ายในบริเวณสถานศึกษา สถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาหรือสถานที่ราชการ, การกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, การกระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ, การกระทำโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือผู้มีหน้าที่ในเครือข่ายอาชญากรรม, การทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยประชาชน
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม “กรณีการรักษาพยาบาล” คุณสมบัติคือ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีถึงที่สุดทุกคดี, มีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง ไม่สามารถรักษาหายขาด ต้องได้รับการดูแลรักษาใกล้ชิดต่อเนื่อง หรืออยู่ในวิกฤติเสี่ยงเสียชีวิต หรือเกิดพิการ หรือไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง มีภาวะติดเตียง พึ่งพิง และมีใบรับรองความเห็นจากแพทย์ 2 คน ส่วนลักษณะต้องห้ามคือ ถูกขังระหว่างพิจารณาในคดีอื่น อยู่ระหว่างดำเนินคดีในคดีอื่น หรือตำรวจมีหนังสือขออายัดตัว
แม้ระเบียบจะกำหนดกฎเกณฑ์ แต่จะเห็นสภาพบังคับใช้ชัดๆ ต้องรอผลปฏิบัติ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่เป็นประเด็นจับตามากที่สุด.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน