เมื่อวันที่ 5 ม.ค. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. สืบสวนขยายผลจับกุมตัว นายนภัสกร อ่องสอาด หรือ “โอ๊ตหนองอีเติ่ง” อายุ 23 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก (ซุกซ่อนในกล่องขนมปี๊บพร้อมส่ง), กล่องขนมปี๊บ 2 กล่อง (ภายในบรรจุขนมเต็มกล่องพร้อมซุกซ่อนอาวุธปืน) และรถยนต์กระบะ Toyota Hilux Vigo 1 คัน (คนร้ายใช้ขับมาส่งปืน) โดยจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้หมู่บ้านหนองอีเติ่ง ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

สืบเนื่องจากชุดสืบสวนตรวจสอบพบข้อมูลซื้อขายปืนเถื่อนเกลื่อนเมือง มาจากแหล่งทำเป็นหมู่บ้าน ออกจำหน่ายส่งทั่วประเทศ ดังจนเป็นสินค้าโอทอป ส่งผลให้เกิดคดีอุกฉกรรจ์ ผบก.สส.บช.น. ได้ส่ง พ.ต.อ.จักราวุธ นำชุดสารวัตรพงษ์ และชุดสารวัตรแจ๊ะ แกะรอยไล่ล่า กระทั่งจับกุม “สมโคลท์พันกระบอก” พ่อค้าปืนเถื่อนรายใหญ่ในวงการได้ที่ จ.สุพรรณบุรี ไปก่อนหน้านี้ ต่อมาชุดสืบสวนพบว่า ปืนเถื่อนที่ระบาดมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พ.ต.อ.จักราวุธ จึงได้นำกำลังชุดสืบนครบาลลงพื้นที่สืบสวนจนได้เบาะแสจากคนในพื้นที่ว่า หมู่บ้านดังกล่าวขึ้นชื่อทางลับว่าเป็นแหล่งผลิตปืนเถื่อนมานาน แต่การจะเข้าไปสืบสวนนั้นทำได้ยาก เหตุจากหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านปิด มีระบบสายข่าวคอยแจ้งเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้าน กระทั่งได้สืบทราบเบาะแสว่าจะมีวัยรุ่นชายไว้เครา คอยลำเลียงปืนเถื่อนที่ผลิตจากในหมู่บ้านออกมาส่งให้กับลูกค้านอกตัวหมู่บ้าน ชุดสืบสวนต้องแฝงตัวเฝ้าสังเกตการณ์ตามป่าละเมาะข้างทาง น้ำไม่อาบกว่า 2 วัน

จนกระทั่งวันที่ 5 ม.ค. พบชายต้องสงสัยเดินออกจากบ้าน ก่อนขับรถกระบะออกจากหมู่บ้าน ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตาม จนพบว่าชายต้องสงสัยขับรถไปส่งพัสดุ วิเคราะห์ว่าเป็นอาวุธปืนเถื่อน จึงนำกำลังปิดล้อมก่อนเข้าชาร์จตัวทันที จากการตรวจสอบคือ นายนภัสกร หรือ “โอ๊ตหนองอีเติ่ง” โดยขณะจับกุมผู้ต้องหาอ้างว่ามาส่งขนม แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดกล่องขนมปี๊บที่คนร้ายนำมาส่ง พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ในปี๊บ ปะปนอยู่กับขนมในปี๊บ จึงยอมรับสารภาพ

สอบสวนนายนภัสกร เบื้องต้นให้การว่า ไม่เพียงแต่บ้านตน แต่ทั้งหมู่บ้านหนองอีเติ่ง ทำปืนเถื่อนขายกันเกือบทั้งหมู่บ้าน บางคนเลิกทำไป แต่เมื่อรายได้ไม่พอก็กลับมาทำใหม่ วนไปแบบนี้ ส่วนจะทำมาตั้งแต่สมัยไหนไม่ทราบ แต่จำความได้ หมู่บ้านก็เป็นเช่นนี้แล้ว โดยสมัยก่อนยังไม่มีระบบขนส่ง ลูกค้าจะมารับแบบชนมือบริเวณถนนนอกหมู่บ้าน แต่ปัจจุบันก็ใช้การส่งผ่านระบบขนส่งพัสดุ โดยที่หมู่บ้านลักลอบทำมาเป็นเวลานานเพราะรู้ระบบ โดยจะคอยดูข่าว เมื่อใดตำรวจระดับสูงมีการสั่งระดมกวาดล้างปืนเถื่อน ก็จะหยุดขายในห้วงนั้น เวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาก็จะมีคนคอยแจ้งเตือน ก็จะหลบเอาของกลางไปซ่อน เจ้าหน้าที่ก็จะเข้ามาตรวจไม่พบอะไร

เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาว่า “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต, จำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยไม่มีเหตุสมควร” ถูกนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรามีการสืบสวนจับกุมขยายผลกลุ่มผู้ค้าปืนเถื่อนมาหลายราย กระทั่งคืนใกล้ต้นตอมาจนถึงการจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ ถือเป็นการค้นพบต้นตอปืนเถื่อนที่สำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นตัวสำคัญของแหล่งผลิตปืนเถื่อน ต้นตอสำคัญที่ทำให้ปืนเถื่อนเกลื่อนประเทศก็ว่าได้ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เราจะมีการขยายผลการจับกุมให้ถึงที่สุด และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท”