เมื่อวันที่ 6 ม.ค. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มข., นายสิทธิพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น, นายกมล โสพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 4 จ.ขอนแก่น, นายอิทธิพัทธ์ จำรัสบุญหิรัญ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์, นางปราณี สีหบัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวางระบบการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน และ น.ส.สุดคนึง พื่มชัย ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2568 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ม.ค.-2 ก.พ. ที่อุทยานเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  

รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวว่า การจัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ถือได้ว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อปณิธานและปรัชญาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ว่าจะเป็นศูนย์รวมทางความคิด สติปัญญาของสังคม และเป็นศูนย์รวมการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นกิจกรรมใหญ่อีกกิจกรรมหนึ่งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และของจังหวัดขอนแก่น ที่หน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ได้บรรจุไว้ในปฏิทินกิจกรรมประจำปีของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการจัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ยังก่อให้เกิดการหมุนเวียนและเป็นแรงขับเคลื่อนในการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในจังหวัดขอนแก่นได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยในการจัดงานเมื่อปี 2567 มีประชาชนเข้าเที่ยวชมงานรวมกว่า 663,000 คน และมีเงินทุนหมุนเวียนภายในงานมากกว่า 747 ล้านบาท       

ด้าน รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มข. กล่าวว่า ภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านการเกษตร การเสวนาและฝึกอบรมวิชาชีพทางการเกษตร การแข่งขันตอบปัญหาทางการเกษตร การแข่งขันทักษะทางการเกษตร การประชุมวิชาการเกษตร การออกร้านจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรของนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ การจัดแสดงแปลงพืชพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวและแปลงนาข้าว 3 สี

“ด้านการอำนวยความสะดวก ได้จัดให้มีรถรางนำเที่ยวรอบบริเวณพร้อมจัดการจราจรโดยรอบ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาร่วมงาน ทั้งนี้ในปีนี้ จัดขึ้นตามแนวคิดเกษตรอีสานสร้างสรรค์ ผลักดัน Soft Power ยกระดับเกษตรทันสมัย สู่การพัฒนาไทยให้ยั่งยืน ซึ่งเกษตรกรไทยและประชาชนที่มาร่วมงาน จะได้สัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มุ่งเป้าให้เกษตรกรเกิดมูลค่าของสินค้าและเชื่อมโยงภูมิปัญญามากขึ้น จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานดังกล่าว เชื่อว่า 10 วัน ท่านจะได้ร่วมกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งองค์ความรู้ ความบันเทิง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอีสานอีกด้วย”