สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ว่า ผู้พิพากษาฮวน เมอร์แชน แห่งศาลยุติธรรมนครนิวยอร์ก ขึ้นนั่งบัลลังก์ เมื่อวันศุกร์ เพื่อประกาศบทลงโทษแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ในคดีการปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน


ทั้งนี้ ผู้พิพากษาไม่ได้ตัดสินบทลงโทษจำคุก หรือสั่งให้ชำระค่าปรับ หรือคาดโทษทรัมป์ เพียงแต่ยืนยันความผิดของจำเลยตามคำฟ้องที่เกี่ยวข้องทั้ง 34 กระทง และประกาศให้ว่าที่ผู้นำสหรัฐ “ได้รับการปล่อยตัวโดยปราศจากเงื่อนไข” ซึ่งเป็นไปตามคำร้องของอัยการ และท่าทีของศาลที่แสดงออกก่อนหน้านี้


อย่างไรก็ตาม คดีความดังกล่าวซึ่งถือว่าปิดฉากอย่างเป็นทางการ เนื่องจากศาลพิพากษา “บทลงโทษ” ให้แก่จำเลยแล้ว จะทำให้ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีประวัติความผิดอาญาติดตัว


ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษากล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิคุ้มครองทางกฎหมายทั้งในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐและการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ “คือปัจจัยลบล้าง” มติของคณะลูกขุนในคดีนี้


ด้านทรัมป์ซึ่งเข้ารับฟังคำตัดสินผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอกนิกส์ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า คดีนี้ “เป็นการล่าแม่มดทางการเมือง” และสะท้อนว่า รัฐบาลพรรคเดโมแครต “ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นอาวุธ”


อนึ่ง คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก มีมติเมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว ว่าทรัมป์ มีความผิดจริง ตามคำฟ้องทั้ง 34 กระทง จากการปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน


อัยการกล่าวหาว่า อดีตผู้นำสหรัฐปกปิดข้อมูลและใช้เงินด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อเจตนากระทำการผิดกฎหมาย ให้นายไมเคิล โคเฮน ทนายความในเวลานั้น นำเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.5 ล้านบาท) ไปจ่ายให้แก่ น.ส.สเตฟานีย์ คลิฟฟอร์ด หรือ “สตอร์มี แดเนียลส์” นักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงเปิดโปงความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ระหว่างเธอกับทรัมป์.

เครดิตภาพ : AFP