เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 13 ม.ค. 68 พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณซอยระหว่างโรงพัก และศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค ถนนปัตตานีภิรมย์ ต.อาเนาะรู ใกล้กับ สภ.เมืองปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 10 นาย เบื้องต้นเจ็บแน่นหน้าอก และถูกสะเก็ดที่ขาเล็กน้อย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบ

เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นพื้นที่ และไม่ให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องในรัศมี 300 เมตร เกรงว่าจะมีลูกที่ 2 จากการตรวจสอบพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ข้างศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค พบว่าเป็น จยย.บอมบ์ มีสะเก็ดระเบิด และชิ้นส่วน จยย. กระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบอาคารศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค และอาคารพาณิชย์สองชั้น ถูกสะเก็ดระเบิด กระจกหน้าต่างแตก รวมถึงรถยนต์ของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด โชคดีที่ศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค สำหรับเด็กยังไม่เปิด จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ที่เจ็บเล็กน้อย 10 นาย

ต่อมา เวลา 09.30 น. พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้รุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กำลังตรวจสอบและรวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยมี พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ชี้แจงและรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนรีโมตคอนโทรล ซึ่งเป็นตัวจุดชนวนระเบิด รวมไปถึงหลักฐานอีกหลายรายการที่สามารถแกะรอยกลุ่มคนร้ายว่าเป็นฝีมือการก่อเหตุของกลุ่มใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด จนพบตัวผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนขับขี่รถ จยย. ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพชายต้องสงสัย 1 คน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเขียวเข้ม นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำตาล และสวมหมวกกันน็อกสีน้ำเงิน ขับขี่ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีน้ำเงินดำ ขี่ผ่านหน้า สภ.เมืองปัตตานี ผ่าน tk ปาร์ค ก่อนจะเลี้ยวไปทางถนนพิพิธ จากนั้นได้เลี้ยวเข้าไปในซอยหลัง tk ปาร์ค เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้จอดรถ จยย.บอมบ์ ก่อนจะเดินกลับไปทางด้านหลัง แล้วนั่งรถ จยย. อีกคัน ที่ผู้ต้องสงสัยอีกคน ซึ่งแต่งกายคล้ายผู้หญิงมารอรับ ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไป

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจร่วม 3 ฝ่าย ตำรวจ อส. และฝ่ายปกครอง 30 นาย กำลังเข้าแถว เพื่อเตรียมปล่อยแถวปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติทุกวัน เดิมทีปล่อยแถวเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะรวมตัวกันอยู่ที่จุดเกิดเหตุ โชคดีวันนี้ปล่อยแถวช้ากว่าปกติ จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย 10 นาย นอกจากนี้ ศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค มักมีเด็กเดินทางมาอ่านหนังสือที่นี่ แต่โชคดีเหตุเกิดตอนที่ศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค ยังไม่ได้เปิด

สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย 1.ส.ต.ต.ธัญธร อลัมซา 2.ส.ต.ท.ศักดิ์ชัย เอียดสงคราม 3.ส.ต.ต.พงศกร เขื่อนสุวรรณ และเจ้าหน้าที่ อส.เมืองปัตตานี 6 นาย 1.อส.บุญเลิศ แสงสุวรรณ 2.อส.ภานุวัตร ใหม่รักษา 3.อส.บันเทิง นวลมิ่ง 4.อส.มะตอเปด แวกูโน 5.อส.มะตอเฮ สา และ 6.อส.เจ๊ะโซ๊ะ มามะ โดยส่วนใหญ่มีอาการแน่นหน้าอก และถูกสะเก็ดระเบิดเล็กน้อยที่บริเวณขา นอกจากนี้ยังมีชาวมาเลเซีย ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ซึ่งนั่งรออยู่ในรถเก๋ง จอดอยู่ห่างจากระเบิดเพียง 3 เมตร โดยมีอาการแน่นหน้าอก และพบว่ารถเก๋งถูกสะเก็ดระเบิดหลายจุด ได้รับความเสียหาย

สำหรับพฤติการณ์ของคนร้าย โดยก่อนเกิดเหตุนั้น พบว่าคนร้ายแต่งตัวคล้ายกับข้าราชการ ได้ขับขี่ จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กลร 130 ปัตตานี ซึ่งถูกแจ้งหายเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยขี่มาหลังศูนย์เรียนรู้ tk ปาร์ค และมาจอดหน้าอาคารพาณิชย์ จากนั้นได้ซ้อนท้ายเพื่อนที่มารอรับอยู่ ซึ่งเพื่อนที่มารอรับแต่งกายคล้ายหญิงมุสลิม ขี่ จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีส้ม ก่อนจุดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรลเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะนำระเบิดมาวางบริเวณตรงกลางรถ จยย. เนื่องจากพบว่าสภาพรถคอหัก ส่วนอื่นๆ กระจัดกระจายไม่เหลือสภาพ ซึ่งก่อนที่คนร้ายจะนำระเบิดมาวางไว้ คาดว่าคนร้ายได้มาดูลาดเลาไว้ก่อนแล้วหลายวัน เพื่อดูว่าเจ้าหน้าที่เข้าและเลิกแถวเวลาใด

ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา เปิดเผยว่า จากที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฏว่า รถ จยย. ที่ผู้ต้องสงสัยใช้ก่อเหตุนั้น เป็นรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กลร 130 ปัตตานี ซึ่งถูกแจ้งหายเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรถ จยย. เป้าหมายที่คนร้ายเตรียมนำก่อเหตุ สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุ เชื่อว่าเป็นกลุ่มของนายราชิด นายมะกอเซ็ง และนายอับดุลเลาะ

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการไปยังจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ และหน่วยกำลังในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ที่เข้าออกเมืองปัตตานี และให้เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากในห้วงเดือน ม.ค. ทางนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงต้องเร่งหาข่าวความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันเหตุก่อกวนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ.