ข้อกังวลหลักประการหนึ่งของคนที่กำลังคิดจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าคือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับแบตเตอรี่และปริมาณไฟฟ้าที่ต้องใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อมีข้อข้องใจเช่นนั้นเป็นโจทย์ “อเล็กซ์” หนุ่มอเมริกันเจ้าของรถ “เทสลา” และยูทูบเบอร์จึงตัดสินใจทำการทดลองและเก็บข้อมูลด้วยตัวเองเพื่อวิเคราะห์ว่า การชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้าที่บ้านของเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรในแต่ละเดือน โดยมีการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ถึงเดือนสิงหาคม 2566
ผลปรากฏว่า ในเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่เริ่มเก็บข้อมูล เขาจ่ายเงินไป 75.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,626 บาท) เป็นค่าไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่รถ เงินจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายของทั้งเดือน ไม่ใช้นำค่าใช้จ่ายในการชาร์จแต่ละครั้งมารวมกัน พร้อมกับตั้งข้อสังเกตไว้ว่าเป็นเดือนที่เขายุ่งมากและต้องขับรถบ่อย
หลังจากนั้น ค่าใช้จ่ายหรือค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้รถมากน้อยแค่ไหน ประกอบกับความผันผวนของอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยในแต่ละช่วง
แต่เมื่อรวบรวมข้อมูลตลอดเวลา 9 เดือน เขาก็พบว่าตัวเองจ่ายเงินไปทั้งหมด 596.12 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 20,735 บาท) เป็นค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่บ้าน เฉลี่ยเดือนละ 66.23 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,303 บาท)
อเล็กซ์อธิบายว่า รถไฟฟ้าคันนี้เป็นพาหนะเพียงคันเดียวของทั้งครอบครัวของเขา และบอกว่าภรรยาของเขาจะใช้รถคันนี้ประมาณวันละ 1 ชั่วโมงเวลาที่เธอต้องเดินทางไปทำงาน
เมื่อผู้ชมคลิปเห็นการคำนวณค่าใช้จ่ายของอเล็กซ์ต่างก็คิดว่าเขาประหยัดเงินไปได้ไม่น้อยเลย เมื่อเทียบกับค่าน้ำมันที่เขาจะต้องจ่าย หากใช้รถยนต์แบบเติมน้ำมันโดยมีพฤติกรรมการขับขี่แบบเดียวกัน
เมื่ออเล็กซ์ตอบกลับผู้ที่เข้าแสดงความคิดเห็นโดยให้ข้อมูลว่า รถคันที่เขาใช้อยู่นี้สามารถวิ่งได้ประมาณ 800-1,000 ไมล์ (1,287-1,609 กม.) ต่อเดือน ก็ยิ่งทำให้ผู้คนยิ่งประหลาดใจกับค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายจริงเมื่อหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวี (EV)
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : AFP