สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า ทีมงานฝ่ายกฎหมายของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ออกแถลงการณ์ว่า ผู้นำเกาหลีใต้แจ้งต่อสำนักงานสอบสวนการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเมือง (ซีไอโอ) ว่าไม่ประสงค์ให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากได้แสดงจุดยืนชัดเจนกับพนักงานสอบสวนแล้ว ตั้งแต่การสอบปากคำวันแรก หลังถูกจับกุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทีมงานของผู้นำเกาหลีใต้เชื่อว่า ซีไอโอต้องยื่นเรื่องต่อศาล ขอให้มีการขยายระยะเวลาควบคุมตัวประธานาธิบดี ซึ่งหากศาลเห็นชอบ จะเป็นการครอบคลุมระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 20 วัน
ทั้งนี้ ศาลแขวงกลางกรุงโซลมีคำพิพากษา เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าการยื่นคำร้องโดยทีมงานฝ่ายกฎหมายของประธานาธิบดี ซึ่งขอให้ศาลพิจารณา “ความชอบธรรม” ของการที่ซีไอโอจับกุมผู้นำเกาหลีใต้ และควบคุมตัวไว้ที่ ศูนย์กักกันในเมืองอึยวัง ห่างจากกรุงโซลราว 22 กิโลเมตร ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมานั้น เป็นการที่ซีไอโอปฏิบัติตามหมายจับ ซึ่งอนุมัติโดยศาลแขวงตะวันตกกรุงโซล
The deadline for President Yoon Suk Yeol’s detention has been pushed back to 9:05 p.m. Friday, as the embattled South Korean leader once against refused to be interrogated regarding charges of insurrection and abuse of power.https://t.co/4hXJbktYO4#YoonSukYeol #SouthKorea
— The Korea Herald 코리아헤럴드 (@TheKoreaHerald) January 17, 2025
ด้วยเหตุนี้ การดำเนินการของพนักงานสอบสวน “ถือว่าโดยชอบด้วยกฎหมาย” จึงยกคำร้องของผู้ร้อง ขณะเดียวกัน ศาลยกคำร้องว่า ซีไอโอ “ไม่มีอำนาจชอบธรรม” ในการสอบสวนผู้นำเกาหลีใต้ เป็นการยืนยันโดยปริยาย ว่าหน่วยงานแห่งนี้มีอำนาจตามกฎหมาย ในคดีที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก สร้างความวุ่นวายอย่างหนักให้กับเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 3-4 ธ.ค. 2567
นอกจากนี้ ศาลยกคำร้องของฝ่ายผู้นำเกาหลีใต้ ที่กล่าวหาว่า ตำรวจ “ดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” ระหว่างการควบคุมตัวยุนที่ศูนย์กักกัน และคำร้องว่า ปฏิบัติการของทหารจำนวนหนึ่ง ในการเข้าสู่สภาแห่งชาติ เมื่อวันที่มีการประกาศกฎอัยการศึก “ชอบด้วยกฎหมายแล้ว” นั้น ถูกศาลปัดตกเช่นกัน
อนึ่ง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ที่มีการจับกุมประธานาธิบดีซึ่งยังอยู่ในวาระ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างพิจารณาคดีการถอดถอนยุน โดยศาลมีเวลา 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สภาลงมติ.
เครดิตภาพ : AFP