สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีน ขยายตัวที่ 5% เมื่อปี 2567 ลดลงเล็กน้อยจาก 5.2% เมื่อปี 2566 ถือเป็นสถิติต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษ แต่ดีกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 4.9%


รายงานของเอ็นบีเอสระบุด้วยว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเกิดขึ้น “ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรง” ท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น และความยากลำบากภายในประเทศ


ขณะเดียวกัน รายงานของเอ็นบีเอสเน้นย้ำว่า เศรษฐกิจของจีนยังคงเผชิญกับ “ความยากลำบากและความท้าทาย” แม้จีดีพีของปีที่แล้วขยายตัวตามเป้าหมาย และเศรษฐกิจเฉพาะไตรมาสที่สี่ หรือไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และดีกว่าที่นักวิเคราะห์ของตะวันตกคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 5%


ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศชุดมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาตั้งแต่ยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด ท่ามกลางวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ซึ่งยังคงเรื้อรัง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงชะลอตัว อีกทั้งสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ยุคของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่สอง ซึ่งแน่นอนว่า รัฐบาลวอชิงตันในอนาคตจะใช้นโยบายการค้า และการทูตสายเหยี่ยวกับจีน.

เครดิตภาพ : AFP