เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ม.ค. นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ พีดีพีซี ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุม วางแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายมีการละเมิดข้อมูล หรือแอปพลิเคชันผิดกฎหมายที่ติดตั้งมากับเครื่องล่วงหน้า พร้อมชี้กรณีของแบรนด์ออปโป้และเรียลมี โดยมีตัวแทนหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมกว่า 28 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), กรมบัญชีกลาง, กระทรวงการคลัง, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงยุติธรรม
ขณะที่ภาคเอกชน อาทิ ตัวแทนแบรนด์มือถือ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ให้บริการโครงข่าย ผู้บริการระบบปฏิบัติการ และ มาร์เก็ต เพลส เช่น บริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ออปโป้, บริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Realme, บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และบริษัท โซนี่ ไทย จำกัด โดยการหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันครั้งนี้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง

หลังการประชุมจบ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อชี้แจงภาคเอกชน ให้ป้องกันไม่ให้มีการลงแอปพลิเคชันผิดกฎหมาย ที่จะกระทบสิทธิผู้บริโภค โดยชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้ง ก.ม.คุ้มครองผู้บริโภค ก.ม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ก.ม.การเงิน ฯลฯ เพื่อไม่ให้กระทบกับสิทธิผู้บริโภคจะต้องได้เมื่อซื้ออุปกรณ์มาใช้งาน โดยที่ประชุมได้มีการออกข้อแนะนำหรือไกดไลน์ 10 ข้อ เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ผลิตและจำหน่ายมือถือปฏิบัติตามในการใช้ลงแอปล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือในการแสดงรายชื่อแอปที่ลงล่วงหน้าของเครื่องนั้นๆ ว่ามีแอปอะไรบ้างตอนที่ขออนุญาตนำเครื่องเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยกับทาง สำนักงาน กสทช. ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุม โดยให้เริ่มดำเนินการได้ทันที
พ.ต.อ.ณัทกฤช พรหมจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กล่าวว่า สำหรับคำแนะนำ 10 ข้อ ในการติดตั้งแอปพลิเคชันล่วงหน้าผู้ผลิต/จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ประกอบด้วย 1.ผู้ผลิตควรมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแอปพลิเคชัน ที่ติดตั้งล่วงหน้าโดยต้องเป็นแอปที่จำเป็นต่อการใช้งานและไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 2.เปิดทางเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถหรือปิดใช้งาน ถอนการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็นได้ 3.ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ หากติดตั้งแอปของบุคคลที่ 3 ล่วงหน้า ต้องมีการตรวจสอบช่องโหว่ และทดสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ 4.ควรหลีกเลี่ยงแอปที่มีพฤติกรรมสอดแนม (สปายแวร์) หรือแอปที่อาจเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่จำเป็น
5.มีนโยบายอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Bloatware และระบบปฏิบัติการ โดยผู้ผลิตควรให้คำมั่นสัญญา ว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ อย่างสม่ำเสมอ 6.หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปของบุคคลที่ 3 ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่น แอปโฆษณา แอปเกม และเพื่อเตรียมการในอนาคต อาจมีการพิจารณากระบวนการรับรองความปลอดภัยของแอป ก่อนให้ผู้ผลิตติดตั้งบนอุปกรณ์ที่จำหน่ายในไทย 7.ให้คำแนะนำแนะนำสำหรับประชาชนในการป้องกันความเสี่ยงโดยดาวน์โหลดแอปจากสโตร์ที่เป็นทางการ 8.การให้สิทธิแก่ผู้ใช้ในการเข้าควบคุมแอปพลิเคชันได้ 9. การจำกัดการทำงานของแอปพลิเคชันในพื้นหลัง ต้องไม่ดึงข้อมูลผู้ใช้ตลอดเวลา และ 10. ข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของแอปพลิเคชัน ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน

ด้าน พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สคส. กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานจากออปโป้ และเรียลมีที่มีการติดตั้งแอป ชื่อ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ มีประมาณ 4 ล้านเครื่องในไทย ซึ่งทั้งสองบริษัทได้แจ้งยุติการติดตั้งทั้งหมดในโทรศัพท์มือถือ และได้ทยอยส่งโอทีเอ ให้ลูกค้าเพื่อลบแอปได้เองแล้ว สำหรับผู้เสียหายที่ได้เข้ามาร้องกับ สคส. จำนวน 11 ราย และร้องกับ สคบ. 17 ราย รวมมีการร้องเรียนแล้ว 28 ราย โดยในส่วนของ สคศ.จะมีการสอบสวนผู้เสียหายก่อนที่จะนำเสนอข้อมูลให้กับ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พิจารณาภายใน 1 เดือน
ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงาน สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 09.00 น. ทางสภาองค์กรของผู้บริโภค จะนำผู้เสียหายบางส่วนไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนผู้กระทำความผิดในกรณีนี้ ว่าจะต้องมีผู้ใดต้องรับผิดชอบที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคในครั้งนี้