จากกรณีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ก่อเหตุใช้อาวุธปืนประกบยิง นายนาค อนันตรังสี อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครู จ.นนทบุรี เสียชีวิตภายในรถเก๋ง ริมถนนทางหลวงหมายเลข 3011 บางปะอิน-วัดสนามไชย หมู่ 6 ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 1, ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน ได้เร่งรัดสืบสวนติดตามคดี จนทราบข้อมูลผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 68 พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่อีโอดี เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ กระจายกำลังรัศมีบริเวณโดยรอบจุดที่มีการทิ้งเสื้อ และโทรศัพท์มือถือ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อตรวจค้นหาอาวุธปืน หรือพยานหลักฐานอะไรที่เชื่อมโยงคดี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่พบพยานหลักฐาน จึงยุติการค้นหา

พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานไปแล้ว 7 ปาก เป็นอดีตภรรยา และลูกๆ ของผู้เสียชีวิต และอีก 3 ปาก เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในที่เกิดเหตุ จำลักษณะ หมวกกันน็อก รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ นอกจากนี้ มีพยานอีกคนที่สำคัญคือ หญิงสาวที่ปรากฏภาพอยู่ในโทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องสงสัยนำมาทิ้ง 

จากการสอบสวนหญิงสาวคนดังกล่าว ยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นของ “นายตี๋” เป็นแฟนกัน ส่วนเสื้อสีดำที่ใช้สวมใส่ในการก่อเหตุ ไม่ยืนยันว่าเป็นของนายตี๋ แต่เสื้อสีแดง ที่สวมใส่หลังก่อเหตุ ยืนยันว่าเป็นของนายตี๋ เพราะช่วงเวลาหลังก่อเหตุได้กลับมาหาที่บ้าน จำได้ ส่วนรองเท้า ยืนยันว่าเป็นของนายตี๋

ส่วนแนวทางการสืบสวน ขณะนี้ “นายตี๋” ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศให้ตรวจสอบ หากพบ “นายตี๋” ให้ควบคุมตัว และประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งเชื่อว่า “นายตี๋” ไม่น่าจะเดินทางไปนอกประเทศผ่านทางช่องทางปกติ

และจากแนวทางการสืบสวน พบว่า “นายตี๋” เป็นเครือข่ายยาเสพติด ของ นายนพพล ประสงค์ศิล หรือ “จิ๊บ ไผ่เขียว” ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้ช่วยนักข่าวท้องถิ่นเสียชีวิต ก่อนหนีประกันตัวในชั้นศาล หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าน่าจะมีการประสานขอความช่วยเหลือในการหลบหนี

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของ “นายตี๋” มีประวัติคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน สภ.เมืองสุพรรณบุรี, คดีปลอมแปลงเอกสาร และคดีร่วมกันพยามฆ่า ที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี 2567 ส่วนชนวนการก่อเหตุ พบเอกสารภายในรถเขียนด้วยลายมือ จึงได้สอบถามภรรยาและลูกๆ ของผู้เสียชีวิตแล้ว ยืนยันว่าเป็นลายมือของผู้เสียชีวิต เขียนข้อความไว้ว่า “28 ม.ค. 68 ตี๋ใหญ่ ตัดสินคดีที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา”

ซึ่งชื่อตรงกับชื่อสายที่โทรฯ ค้างไว้โทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการโทรฯ ติดต่อกันหลายครั้ง เหมือนกับโทรฯ นัดแนะให้มาเจอกัน จนถึงช่วงบ่าย มีการโทรฯ ยาวจนถึงช่วงที่มาก่อเหตุ ซึ่งไทมไลน์ของ “นายตี๋” ผู้ต้องสงสัย ขี่รถ จยย. มาจากทางอำเภอเสนา น่าจะมีการโทรฯ นัดหมายกับผู้เสียชีวิตให้มาพบกันบริเวณที่เกิดหตุ หลังก่อเหตุแล้วกลับเส้นทางเดิม โดยมีการเปลี่ยนเสื้อ ตามหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

นอกจากนี้ จากการสืบสวนแล้วยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนร่วมกับการก่อเหตุ เรายังตรวจสอบหาข้อมูลการพูดคุยกันของผู้ต้องสงสัยกับผู้เสียชีวิต มีความขัดแย้งกันเรื่องอะไร แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ความขัดแย้งเกิดจากการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของคดีแล้วไม่ได้ผลตามที่ต้องการ และวันเกิดเหตุมีการนัดแนะให้มารับเงิน จึงได้สอบสวนทนายความที่ว่าความให้ “นายตี๋” ซึ่งทนายความและผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเหมือนนายหน้าหรือที่ปรึกษากฎหมาย ให้ “นายตี๋” ไปมอบตัว ที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งจะมีการตัดสินในวันที่ 28 ม.ค. 2568

ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยอนุมัติหมายจับ นายธนาสันต์ หรือตี๋ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ.