จากนั้นเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส) ที่ DP World House เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม (H.E. Sultan Ahmed bin Sulayem) ประธานกลุ่มบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท DP World (UAE) โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ได้พบกับประธานกลุ่มบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท DP World (UAE) ระหว่างการประชุม WEF

ด้านประธานกลุ่มบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DP World  กล่าวยินดีที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรี  ซึ่งบริษัทฯ สนับสนุนไทยในการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ICD) ลาดกระบัง ให้เป็น ศูนย์โลจิสติกส์ระดับภูมิภาคแบบหลายรูปแบบสำหรับการค้าข้ามพรมแดนระหว่างจีน อินโดจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่านการเชื่อมโยงเครือข่ายทางรถไฟ รวมทั้งโครงการท่าเทียบเรือชุด B ณ ท่าเรือแหลมฉบัง  ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถรองรับเรือและตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ รองรับการขนส่งและโลจิสติกส์ทั้งระดับประเทศและระดับโลก นอกจากนี้ DP World พร้อมจะเดินหน้าศึกษาการลงทุนโครงการแลนด์บริจด์ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคอาเซียนและเชื่อมโยงไปมหาสมุทรอินเดียและกลุ่มประเทศ BIMSTEC

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ม.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส)  ที่ศูนย์ประชุม Congress Center เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.แพทองธาร พบหารือกับนายเรมี เอเจล (Mr. Remy Ejel) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา (Chief Executive Officer Zone Asia, Oceania and Africa) บริษัทเนสท์เล่ (Nestlé) ในห้วงการประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 (WEF AM25) 

โดยนายกฯ กล่าวชี่นชม Nestle และขอให้ช่วยเกษตรกรไทย เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตร โดยเฉพาะเกษตรสมัยใหม่ และ smart farmer  เพราะเป้าหมายของรัฐบาลคือการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน  นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญease of doing business  เพื่อให้ ภาคเอกชนขยายการลงทุนในไทยได้อำนวยสะดวกยิ่งขึ้น ไทยยังเร่งขยายการเป็นพันธมิตรทางการค้าทั่วโลก โดยจะมีการลงนามความตกลง FTA ไทย – EFTA  ซึ่งจะเป็นโอกาสสำหรับภาคเอกชนไทยและต่างประเทศที่ลงทุนในไทยด้วย 

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้พูดคุยหารือ ถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย โดยเนสท์เล่ได้แสดงความมุ่งมั่นว่าจะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมกาแฟไทย โดยในช่วงปี พ.ศ. 2561 – 2567 เนสท์เล่ได้มีการลงทุนในประเทศไทยเพื่อขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ เครื่องดื่ม UHT และอาหารสัตว์ รวมสูงถึงกว่า 22,800 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2568 และในอนาคต บริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโรงงานผลิตเนสกาแฟ และสนับสนุนเกษตรกรไทยในการขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟซึ่งเป็นพืชเกษตรที่เป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาดี รวมทั้งจะสนับสนุนการให้ความรู้ด้านการเพาะปลูกกาแฟแก่เกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง และรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรม เหมือนเช่นที่เคยสนับสนุนเกษตรกรไทยมาตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

จากนั้นเวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส) ณ ห้อง Schatzalp ชั้น 1 โรงแรม Grischa DAS Hotel เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.แพทองธาร พบหารือกับนายเจมส์ ควินซีย์ (Mr. James Quincey) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Coca-Cola ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจรสัญชาติอเมริกัน

โดยนายกฯ กล่าวชื่นชมบริษัท Coca-Cola ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมชื่นชมการมีส่วนร่วมของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ และการบริหารจัดการน้ำ เพื่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน  ขณะที่ประธานบริษัท Coca-Cola ยินดีที่ได้พบหารือกับนายกฯในวันนี้ ซึ่งพร้อมเป็นพันธมิตรของไทย โดยเฉพาะการเพิ่มพูนทักษะ และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเพื่อติดตามความคืบหน้าความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน โดยเฉพาะการบังคับใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน (Sustainable Packaging Management Act) ของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีชื่นชมบริษัท Coca-Cola ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดัน พ.ร.บ. ดังกล่าว ตลอดจนเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงด้านน้ำ และการส่งเสริม Soft Power ซึ่งบริษัท Coca-Cola มีความเชี่ยวชาญและพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีกับไทยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างรอพบหารือกับผู้บริหารบริษัท Nestlé  ที่โรงแรม Grischa DAS Hotel สมาพันธรัฐสวิส นายกฯพร้อมด้วยรมว.พาณิชย์ได้เดินซูเปอร์มาร์เก็ตสำรวจสินค้าไทย โดยนายกฯทวิตผ่าน X ระบุว่ามีโอกาสมาเดินซูเปอร์มาร์เก็ตกับทีมไทยแลนด์ เพื่อสำรวจตลาดและมองหาโอกาสของสินค้าไทยในตลาดสวิสเซอร์แลนด์ เจอผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารไทยสำเร็จรูป ซึ่งแปลว่าอาหารไทยได้รับความนิยมในต่างประเทศจริงๆ  นี่คือโอกาสใหญ่ของประเทศไทย รัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับอาหาร เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไทยและเป็นรสชาติไทยแท้ๆ ให้ทั่วโลกได้ลิ้มรสมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ดิฉันหยิบขึ้นมานี้คือ น้ำแกงพร้อมปรุงจาก Blue Elephant ร้านอาหารไทยยุคแรกๆ ที่บุกเบิกอาหารไทยไปให้นานาชาติทั่วโลกได้รู้จักกัน 

นายกฯเดินซูเปอร์มาร์เก็ตสำรวจสินค้าไทยเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าสำหรับภารกิจเดินทางเยือนต่างประเทศของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯหลังจากนี้ คือการเดินทางเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ช่วงต้นเดือนก.พ. ระหว่างวันที่ 5-8 โดยจะได้หารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย.