เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ สน.ลาดพร้าว ทีมงานของ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวช หรือ กัน จอมพลัง พานายเอ (นามสมมุติ) อาสากู้ภัยสังกัดหนึ่ง อายุ 22 ปี และแฟนสาว อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สน.ลาดพร้าว เพื่อติดตามความคืบหน้าภายหลังจากที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 13 คน รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 02.00 น. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ภายในซอยลาดพร้าว 101 แยก 43 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
โดยผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถ จยย.รับแฟนสาวเพื่อไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนไปส่งที่พักในซอยลาดพร้าว 101 แต่พอผ่านหอพักในซอยพบวัยรุ่นนับ 10 คนซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้ใช้มีดและปืนมาข่มขู่ ก่อนเข้ามารุมทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้สาเหตุ ภายหลังเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สน.ลาดพร้าว กระทั่งมาทราบภายหลังว่าหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุคือ นายแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี อดีตแฟนที่เลิกกันไปได้ 5 เดือน เพราะไม่ชอบการใช้ความรุนแรง โดยกลุ่มดังกล่าวจะมีนักเรียนช่างกล ลูกตำรวจที่พกปืนตลอดเวลารวมกลุ่มด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าหนึ่งในผู้ก่อเหตุนั้นเป็นลูกตำรวจจริง ซึ่งพ่อเป็นตำรวจสังกัด บก.น.5 โดยพ่อแม่ได้แยกทางกัน โดยวัยรุ่นผู้ก่อเหตุนั้นอาศัยอยู่กับแม่ ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากเรื่องชู้สาว โดยจะตรวจสอบข้อมูลว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้มีพฤติกรรมส่อไปในการใช้ความรุนแรงอย่างไร มีอาวุธปืนในครอบครองอย่างไร ได้อาวุธปืนมาอย่างไร และมีไว้เพื่ออะไร เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 13 คน มีทั้งที่เป็นเยาวชนและไม่ใช่เยาวชน ใช้รถจักรยานยนต์ 6 คัน ในการก่อเหตุ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประวัติเคยก่อคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น
เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดในข้อหา “…ร่วมกันทำร้ายร่างกาย, มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย…” ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งจะเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ธนาพันธ์ กล่าวอีกว่า การที่มีลูกตำรวจไปก่อเหตุใช้ความรุนแรงสร้างปัญหาสังคมนั้น มาจากเรื่องพื้นฐานของครอบครัว ถ้าผู้ปกครองมีการอบรมดูแลบุตรหลานให้ดี ก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าโรงพัก ได้มีการเน้นย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดูแลบุตรหลานให้ดี ไม่ให้ไปก่อเหตุหรือสร้างปัญหากับสังคม ถ้าปล่อยให้ไปก่อเหตุก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น.