พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม กล่าวว่า จากกระแสละครเรื่อง “คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” ที่ในละครดังกล่าวมีพระสงฆ์ห่มจีวรลายดอกพิกุล ทำให้สังคมออนไลน์ ตั้งคำถามถึงจีวรลายดอกพิกุล ว่าพระสงฆ์ห่มจีวรลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งต่อมาทางผู้จัดละครได้ออกมายืนยันว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระสงฆ์ห่มจีวรลายดอกพิกุลจริงนั้น สำหรับจีวรลายดอกพิกุล เป็นที่นิยมถวายพระชั้นผู้ใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งที่วัดสุทธิวราราม ก็มีการค้นพบว่ามีการเก็บรักษาจีวรลายดอกพิกุลไว้เช่นกัน โดยค้นพบเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2566 ซึ่งได้อัญเชิญพระพุทธรูปโดยเปิดตู้โบราณ ได้พบกับจีวรผ้าไหมลายดอกพิกุล และผ้าสบงที่ทำจากผ้าไหมจีนลายดอกโบตั๋นและลายต้นไผ่ อายุเก่าแก่ จำนวน 5-6 ชุด ซึ่งนักวิชาการด้านผ้ามาดูแล้ว บอกว่า เป็นผ้าไหมจากประเทศจีน อายุน่าจะเก่าแก่ สมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น     

พระสุธีรัตนบัณฑิต กล่าวอีกว่า สำหรับจีวรผ้าไหมลายดอกพิกุล และลายดอกโบตั๋น และต้นไผ่ นั้น แท้จริงแล้ว นายช่างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลียนแบบผ้าต่างประเทศที่มีการทอเนื้อผ้าเป็นลายดอกดวงเล็กๆ คล้ายกับดอกพิกุล อันนับเป็นของแปลกใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นที่นิยมถือเป็นของดีมีค่าสูง เหล่าทายกทายิกาผู้มีศรัทธา ปรารถนาจะถวาย “ประณีตทาน” เลยนำผ้าลายดอกนี้มาตัดย้อมเป็นจีวรถวายพระภิกษุ จนเป็นที่ปรากฏแพร่หลายโดยทั่วไป  อันเป็นแรงบันดาลใจอย่างสำคัญในการประดิษฐ์ “พระพุทธรูปจีวรดอก” ขึ้นมาด้วย และเชื่อกันว่า เป็นจีวรที่ถวายสำหรับที่สมณศักดิ์ระดับสูง ทั้งนี้วัดสุทธิวราราม ได้นำจีวรลายดอกพิกุล ดอกโบตั๋น และต้นไผ่ และพระพุทธรูปลายดอกพิกุล จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ของวัด ผู้ที่สนใจสามารถมาชมจีวรลายดอกพิกุลของจริงได้ที่วัดสุทธิวราราม