เมื่อวันที่ 27 ม.ค.หนุ่มๆต้องฟังแล้วหล่ะเรื่องนี้ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณผู้ชายทั้งหลาย เมื่อ นักวิทยาศาสตร์ คาดการณ์ว่า องคชาติของผู้ชายจะมีแนวโน้มยาวเพิ่มขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 8.5 นิ้ว เลยทีเดียว แม้ว่าคุณอาจสงสัยว่าสภาพของโลกจะเป็นอย่างไรในอนาคต หรือว่าเราจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์หรือไม่ แต่อาจมีอย่างอื่นอยู่ในใจของคนอื่นก็ได้
ในขณะที่ผู้ชายบางคนหมกมุ่นอยู่กับขนาดของความเป็นลูกผู้ชาย และสงสัยว่าอนาคตของ “น้องชาย”จะมีหน้าตาอย่างไร โดยนักวิทยาศาสตร์ ได้เปิดเผยว่า คุณผู้ชายเตรียมตัวพบกับน้องชายที่มีขนาดใหญ่แบบบิ๊กเบิ้มได้เลย ในอนาคตอวัยวะเพศของผู้ชายนั้นจะยาวขึ้น เฉลี่ยอาจสูงถึง 8.5 นิ้ว ปัจจุบันมีการกล่าวกันว่าอยู่ระหว่าง 5.1 ถึง 5.5 นิ้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อาจเป็นผลมาจากจาก “ไบโอแฮ็กเกอร์” ที่พยายามปรับแต่ง และเปลี่ยนแปลงร่างกายมนุษย์
“ใช่ มันดูเหมือนหนังโป๊แนวไซไฟเลยถ้าพูดตามตรง”ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าองคชาตที่ถูกแฮ็กทางชีวภาพในอนาคต (ชื่อเล่นว่า ‘penis 2.0’) จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้กระทั่งการสั่นแบบดิลโด้ด้วยก็ตาม
โดยทาง ไซมอน อันเดอร์ดาวน์ ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาชีวภาพ จากมหาวิทยาลัย Oxford Brookes เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นใดๆ ในการวัดความเป็นลูกผู้ชายในปีต่อๆ ไปน่าจะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเอง
“หากมีความต้องการที่เพียงพอ ซึ่งขับเคลื่อนโดยแฟชั่นหรือกระแสสังคม ในการปรับแต่งส่วนต่างๆ ของร่างกาย เราก็คงไม่ห่างไกลจากความสามารถในการปรับเปลี่ยนพันธุกรรม” เขากล่าวกับ MailOnline
“นั่นคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์น่าสนใจจริงๆ เราใกล้จะถึงจุดที่เราอาจจะยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการทางชีววิทยาได้ เพราะว่าเราต้องการทำมากกว่าที่จะกดดันการคัดเลือกทางชีวภาพอย่างรุนแรง”
แต่ในขณะที่แฮ็กเกอร์ชีวภาพอาจพยายามเปลี่ยนแปลงความเร็วและระยะทางในการหลั่ง การคุมกำเนิดในตัว หรือความไวที่เพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่าขนาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะมีการปรับแต่งใด ๆ ในห้องปฏิบัติการก็ตาม การศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในปี 2023 พบว่าองคชาตเติบโตขึ้นโดยเฉลี่ยใน “อัตราที่น่าตกใจ” ในช่วงสามทศวรรษ
นักวิจัยใช้ข้อมูลจากผู้ชาย 55,761 คน และพบว่าอวัยวะเพศชายแข็งตัวโดยเฉลี่ยจะมีความยาวเพิ่มขึ้นถึง 25 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 1992 ถึง 2021 เพิ่มขึ้นจาก 4.8 เป็น 6 นิ้ว ดังนั้น หากอัตราดังกล่าวดำเนินต่อไป อาจเกินกว่า 8.5 นิ้วได้
ขณะที่ดร.ไมเคิล ไอเซนเบิร์ก หัวหน้าทีมวิจัย ได้กล่าวว่า “ถ้าเรายังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบนี้ แสดงว่ามีบางอย่างที่ทรงพลัง กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น มลพิษ รวมไปถึงการขาดการเคลื่อนไหว
อ้างอิง : www.ladbible.com