เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 กล้องโทรทรรศน์ในประเทศชิลี ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยที่มีชื่อว่า “2024 YR4” มันอยู่ห่างจากโลกเกือบ 27 ล้านไมล์ (43.4 ล้าน กม.) คาดว่ามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 130-330 ฟุต (40-100 เมตร) แต่การคาดการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้

จากข้อมูลในตอนนี้ ประเมินได้ว่า ดาวเคราะห์น้อยนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะทำลายเมืองใหญ่อย่างแคนซัสซิตีได้ หากพุ่งชนโลก 

อย่างไรก็ตาม พอล โชดาส ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาวัตถุใกล้โลกขององค์การการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ หรือ “นาซา” กลับไม่ได้แสดงความกังวลมากนัก เนื่องจากมีโอกาสเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ดาวเคราะห์น้อยนี้จะพุ่งชนโลก

“เราไม่ได้กังวลเลย เพราะมีโอกาส 99 เปอร์เซ็นต์ ที่มันจะพลาดเป้า” เขากล่าว “แต่ก็ควรจะให้ความสนใจมัน”

เดวิด แรนกิน ผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเคราะห์น้อย กล่าวว่า มนุษย์ยังไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องดาวเคราะห์น้อยเรื่องนี้ให้มากนัก 

“ความเป็นไปได้ที่มันจะพุ่งชนโลกยังคงต่ำมาก และผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เป็นดาวเคราะห์น้อยที่โคจรมาใกล้โลกและพลาดเป้าไป” เขากล่าวเสริม

ในตอนนี้ “เส้นทางเสี่ยง” ของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ซึ่งหมายถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เป็นไปได้มากที่สุดที่มันจะตกลงไป หากพุ่งชนโลกนั้น อยู่ระหว่างทวีปอเมริกาใต้ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา

อย่างไรก็ตาม แรนกินชี้ว่า เส้นทางเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ 

“ขนาดและองค์ประกอบเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ร่วมกับตำแหน่งที่ตกกระทบ” เขากล่าวอธิบาย “การจำกัดขนาดและองค์ประกอบด้วยสถานการณ์วงโคจรปัจจุบันนั้นทำได้ยาก เนื่องจากดาวเคราะห์น้อยกำลังโคจรออกห่าง”

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการวัดขนาดของดาวเคราะห์น้อยคือการสังเกตการณ์ด้วยเรดาร์ แต่เนื่องจากตำแหน่งของ 2024 YR4 อยู่ไกลมาก จึงยากที่จะคำนวณขนาดของดาวเคราะห์น้อยได้ คาดว่าในปี ค.ศ. 2028 ดาวเคราะห์น้อยนี้ น่าจะอยู่ใกล้พอที่จะตรวจจับได้ว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็กเพียงใด

ในสถานการณ์ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ต้องอาศัยค่าความสว่างสัมบูรณ์ของดาวเคราะห์น้อย หรือความสว่างของดาว เพื่อคำนวณโครงสร้างของดาวเคราะห์น้อย

“หากดาวเคราะห์น้อยมีพื้นผิวที่มืดดำ ตัวเลขที่คำนวณได้ก็ถือว่าน้อยเกินไป และหากมีพื้นผิวที่สะท้อนแสงมากกว่า ตัวเลขดังกล่าวก็ถือว่าสูงเกินไป” แรนกิน กล่าวเสริม

“หาก 2024 YR4 ก่อตัวจากวัสดุที่เป็นหิน อาจทำให้เกิดการระเบิดในอากาศอย่างรุนแรงและเกิดลูกไฟเมื่อพุ่งลงสู่พื้นโลกได้ แต่หากมันก่อตัวขึ้นจากเหล็ก มันจะพุ่งทะลุชั้นบรรยากาศได้ไม่ยาก และกลายเป็นหลุมอุกกาบาต” แรนกินอธิบาย “นี่คือสาเหตุที่การทำความเข้าใจ…ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องวงโคจร แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบและขนาดด้วย…มีความสำคัญอย่างยิ่ง”

แม้ว่าจะมีความน่าจะเป็นต่ำในการพุ่งชนโลก แต่มีการคำนวณว่า วันที่มันมีโอกาสพุ่งชนโลกได้มากที่สุด คือวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2032

ข่าวดีอีกข่าวก็คือ ตามรายงานของนาซา ในตอนนี้ดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ดวงอื่น ๆ เท่าที่มีข้อมูลนั้น ยังไม่มีดวงไหนที่มีความเป็นไปได้ที่จะพุ่งชนโลกเกิน 1% 

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : pixabay.com