เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ร.ต.ท.ศิวกร พลศักดิ์ รองสารวัตรสอบสวนสภ. ครบุรี รับแจ้งเหตุบุคคลเสียชีวิตอยู่ภายในโรงเพาะเห็ดข้างบ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 13 ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมาพร้อมกัน 3 ศพจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกิดเหตุเป็นโรงเพาะเห็ดฟางขนาดความกว้างประมาณ 6 เมตรยาว 12 เมตร ปิดด้วยผ้าใบทั้งโรง ภายในโรงเพาะเห็ดดังกล่าวพบผู้เสียชีวิต 3 ศพในลักษณะศพชาย 1 คนนอนหงายและอีก 2 คน ซึ่งเป็นชายหรือหญิงนั่งคว่ำหน้าอยู่บริเวณส่วนบนของชายที่นอนหงาย คาดว่าทั้งสองคนที่อยู่ด้านบนจะพยายามดึงตัวผู้นอนหงายออกจากโรงเห็ด ทราบชื่อภายหลัง คือนายณัฐพล อัคคีสำโรง อายุ 27ปี ส่วนอีก 2 รายที่อยู่ด้านบนของชายที่นอนหงาย ทราบว่าเป็นสามีภรรยากันโดยสามีชื่อนายบุญเหลือ จันทร์นอก อายุ 49 ปี และนางสายพิณ อัคคีสำโรง ภรรยา ซึ่งนายณัฐพล เป็นหลานชายของสามีภรรยาคู่นี้
จากการสอบปากคำ น.ส.นิชา จันทร์นอก อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายบุญเหลือ และนางสายพิณ ผู้เสียชีวิตทราบว่า ช่วงประมาณเวลา 22.00 น.วานนี้ ตนเองอยู่ภายในบ้านลำพัง ขณะที่พ่อและแม่ยังไม่กลับเข้าบ้านถึงเปิดประตูบ้านออกไปมองดูหน้าบ้านพบเห็นแสงไฟ อยู่ภายในโรงเห็ดที่เกิดเหตุ ก็คาดว่าพ่อและแม่อาจจะเข้าไปตรวจสอบโรงเห็ดแต่ไม่ได้เอะใจ เพิ่งกลับเข้ามานอนในบ้านตามปกติ กระทั่งรุ่งเช้าเวลา 08.00 น.ก็ยังไม่พบพ่อและแม่กลับเข้ามาบ้านจึงโทรศัพท์ไปถามยาย ก่อนจะเข้าไปดูที่โรงเห็ดก็พบว่าพ่อและแม่ และนายณัฐพล ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเองนอนเสียชีวิตอยู่ภายในโรงเห็ดดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี กล่าวว่า จากการสอบถามทราบว่า หนึ่งในขั้นตอนการอบเชื้อเห็ดต้องใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อัดเข้าไปภายในโรงเห็ดเพื่อให้เชื้อเห็ดเกิด ในขั้นตอนนี้ ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วันในการอบเห็ด ทำให้โรงเห็ดไม่มีออกซิเจนเหลืออยู่ ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ เนื่องจากหนึ่งในผู้ตายเป็นผู้ที่เริ่มหัดทำโรงเห็ดมือใหม่ อาจไม่มีประสบการณ์ เข้าไปในโรงเห็ดโดยทันที ทำให้ขาดออกซิเจนและล้มลงภายในโรงเห็ด จากนั้นสองสามีภรรยาที่อยู่ข้างนอกเข้าไปพบ จึงช่วยกันนำตัวผู้เสียชีวิตออกมา แต่ก็ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตไปด้วยกัน โดยคณะแพทย์ที่มาชันสูตรศพ คาดว่าทั้งหมดได้เสียชีวิตเนื่องจากขาดออกซิเจน ขณะที่ทางญาติไม่ได้ติดใจในสาเหตุการตาย เพราะเข้าใจในขั้นตอนการเพาะเห็ดเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้นำร่างของทั้ง 3 ส่งไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป.
