สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า การตัดสินใจออกไปเดินเล่นยามดึกในละแวกที่พักในเมืองพัทยาของนายแอนดรูว์ ฮอปกินส์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันเลวร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาไปถึงประเทศบ้านเกิด โดยเขาออกมาเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด ให้กับหนังสือพิมพ์เดลี เมล์ของอังกฤษ หลังสื่อเปิดภาพเขาขณะถูกใส่กุญแจมือติดกับห้องขังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่นักท่องเที่ยวผู้มีน้ำหนัก 21 สโตน 8 ปอนด์ หรือราว 136 กก. กำลังเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ เขาชนเข้ากับป้ายทางเข้าบ้านของเพื่อนบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าทำป้ายเสียหาย แต่ก่อนที่เขาจะประมวลผลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คน ก็มาถึงที่เกิดเหตุ และตะโกนใส่เขาเป็นภาษาไทย

เนื่องจากแอนดรูว์ไม่เข้าใจ เขาจึงทำสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ ขอโทษ และเสนอที่จะชดเชยค่าเสียหายให้ แต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างรุนแรง

แอนดรูว์ บอกกับเดลี เมล์ ว่า “พวกเขาโยนผมขึ้นท้ายรถกระบะ และขังผมไว้ในห้องขังประมาณ 36 ชั่วโมง” ขณะที่ชายคนหนึ่งซึ่งพูดภาษาอังกฤษ บอกให้ผมทำตามที่พวกเขาบอก แล้วคนพวกนั้นจะปล่อยผมไป

“ในที่สุด ชายชาวอิตาลีคนหนึ่งก็มาถึง และบอกให้ผมจ่ายเงิน 15,000 บาท ถึงจะได้รับการปล่อยตัว” แอนดรูว์ กล่าว โดยเขาถูกพาตัวไปที่ตู้เอทีเอ็ม และทำการถอนเงินขณะที่เจ้าหน้าที่คอยจับตาอยู่ด้านหลังอย่างคุกคาม

หลังจากนั้น เขาถูกนำตัวไปที่ สภ.เมืองพัทยา ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 นาย ได้รับเงินไป ก่อนที่จะปล่อยตัวเขาไป

ขณะเดียวกัน วิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางออนไลน์ ได้บันทึกภาพภายในห้องขังของ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมดคันไฟและแมลงสาบเดินเพ่นพ่านไปทั่วพื้น ขณะที่ผู้ถูกคุมขังราว 130 คน ต้องเบียดเสียดอยู่ในห้องเดียวกัน และมีหญิงตั้งครรภ์ถูกใส่กุญแจมือกับลูกกรงของห้องขัง

แอนดรูว์คิดว่าเรื่องทั้งหมดได้จบลงแล้ว แต่เมื่อกลับมาถึงห้องพักแอร์บีเอ็นบี เขาก็เจอกับการ “ถูกต่อต้าน”

ภรรยาของเจ้าของที่พักที่ยืนรอเขาอยู่ที่แผนกต้อนรับ โบกกุญแจตรงหน้าเขาด้วยความโกรธและตะโกนใส่แอนดรูว์ว่า เขาต้องออกไปจากที่นี่ “เธอบอกว่าได้ยกเลิกการจองของผม และผมต้องย้ายออกทันที” แอนดรูว์กล่าว พร้อมเสริมว่า “ผมอึ้งไปเลย แต่ก็ขอเข้าไปอาบน้ำและเก็บของก่อน ซึ่งพวกเขาตกลง”

อย่างไรก็ตาม เขาพบกับความผิดปกติในห้องพัก “มีกลิ่นสารเคมีแปลก ๆ… ผมมั่นใจว่าพวกเขาพยายามจะวางยาผม มีคนเข้ามาในนี้ ถอดผ้าปูเตียง และโยนข้าวของของผมลงไปในกระเป๋าเดินทาง แต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือเงินและของมีค่าของผมหายไป” โดยเขาอ้างว่าบัตรเดบิตธนาคารสหกรณ์ บัตรเครดิตเอ็มบีเอ็นเอ สายชาร์จโทรศัพท์ และเงินสด 1,230 ปอนด์ (ราว 51,749 บาท) ถูกขโมยไปทั้งหมด

มากไปกว่านั้น ภรรยาเจ้าของที่พักเริ่มตะโกนใส่แอนดรูว์ เกี่ยวกับการสูบบุหรี่บนระเบียง แม้ในห้องพักจะมีที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่ด้านนอก และแอนดรูว์ก็มีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน

ในเวลาไม่นาน ตำรวจปรากฏตัวอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาโหดร้ายกว่าเดิม “พวกเขาทำร้ายผม ล่ามกุญแจมือผมไว้ที่ท้ายรถกระบะ และลากผมไปที่เรือนจำอีกครั้ง โดยคราวนี้ พวกเขายึดข้าวของของผมไปทั้งหมด และล่ามผมไว้กับลูกกรงในห้องขัง”

แอนดรูว์ถูกบังคับให้นอนอยู่บนพื้นที่สกปรก เขาถูกยกแขนขึ้นและมัดไว้กับลูกกรงในห้องขัง รวมถึงถูกบังคับให้ปัสสาวะราดตัวเอง “ผมนอนหงายบนพื้นที่เฉอะแฉะ ผมต้องการเข้าห้องน้ำ ผมตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครผ่านมา” เขากล่าว “สุดท้ายผมต้องปัสสาวะลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะ มันน่าขยะแขยง และไม่มีการปฏิบัติอย่างมนุษย์”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น แอนดรูว์ระบุว่า มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสยดสยองและไร้มนุษยธรรมที่สุดในชีวิต ในการถูกพรากศักดิ์ศรีด้วยการนอนแช่ของเหลวจากร่างกายของตัวเอง และถูกตีอย่างไม่มีเหตุผล เพียงแค่สงสัยว่าเงินและของมีค่าหายไปไหน ด้วยความสิ้นหวังของเขา แอนดรูว์เริ่มร้องเพลง “Country Roads”, “God Save the King” และ “Half the World Away” อย่างสุดเสียง

ในที่สุด เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวเขา แต่ฝันร้ายยังคงดำเนินต่อไป เมื่อโทรศัพท์มือถือรุ่นกาแล็กซี เอส21 สำหรับใช้งานในเมืองไทย บัตรธนาคาร และเงินสดของเขาหายไปอีก มากไปกว่านั้น บัตรเครดิตของเขาถูกนำไปใช้จำนวน 450 ปอนด์ (ราว 18,923 บาท) และธนาคารปฏิเสธที่จะคืนเงินให้เขา

“เมื่อผมขอให้พวกเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเซเว่นที่บัตรถูกรูดไป พวกเขาก็บอกว่าทำไม่ได้” มากไปกว่านั้น เงิน 480 ปอนด์ (ราว 20,185 บาท) ที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋าก็หายไปเช่นกัน “ที่ชาร์จของผมหายไป และที่สำคัญคือรองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะก็หายไปด้วย… ผมต้องเดินเท้าเปล่า” เขากล่าว และเสริมว่าตำรวจให้รองเท้าแตะยี่ห้อแอ๊ดด้าแก่เขาคู่หนึ่ง ซึ่งใส่ไม่สบายและกัดจนทำให้เขามีแผลระหว่างนิ้วเท้า

หลังจากนั้น เขาได้รับเงินสด 120 ปอนด์ (ราว 5,046 บาท) อย่างน่า “แปลกประหลาด” ก่อนจะถูกไล่ออกไปในคืนนั้น

“ผมไม่เคยถูกจับกุมอย่างเป็นทางการ… ไม่เคยได้รับสายโทรศัพท์เลย” แอนดรูว์กล่าว ขณะนี้เขากลับมาถึงสหราชอาณาจักรแล้ว และยังคงทุกข์ทรมานจากประสบการณ์ครั้งนี้

“ผมต้องจองตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจของสายการบินเอมิเรตส์กลับบ้านในราคา 1,800 ปอนด์ (ราว 75,695 บาท) เพราะผมเจ็บปวดมากเกินกว่าจะนั่งลงในท่านั่งปกติ” เขากล่าว “ผมติดเชื้อ ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการพีทีเอสดี (ภาวะเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง) จากสิ่งที่เกิดขึ้น”

ขณะนี้ แอนดรูว์กำลังดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันของแอร์บีเอ็นบี และบริษัทประกันการเดินทางของเขา ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักร ได้ยื่นข้อร้องเรียนอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลไทยแล้ว

“นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ไม่มีสิทธิใด ๆ ในประเทศเลย คนไทยให้เกียรติคนไทยด้วยกัน” แอนดรูว์เตือน โดยคำพูดสุดท้ายของเขาเกี่ยวกับประเทศไทยคือ “พวกเขาเรียกมันว่าดินแดนแห่งรอยยิ้ม แต่จากประสบการณ์ของผม พวกเขาเป็นมิตรเมื่อคุณจ่ายเงินเท่านั้น ขณะที่นักท่องเที่ยวถูกมองว่าเป็นเป้าหมายที่ง่ายต่อการหลอกและขโมย”

“หากคุณพบว่าตัวเองเจอปัญหาที่นั่น ให้ใจเย็นและอย่าส่งเสียง และอย่าตั้งคำถามถึงอำนาจของพวกเขา ไม่ว่าในกรณีใด ๆ” แอนดรูว์กล่าวทิ้งท้าย.