เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และคณะ ร่วมกันแถลงการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และปัญหาฝุ่น PM 2.5
นายชัยมงคล กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 68 กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ มีมติร่วมกันในเรื่องของการคัดค้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย เนื่องจากว่าในร่างกฎหมายฉบับนี้มีกาสิโนอยู่ด้วย หมายถึงว่าในวันนี้ รัฐบาลจะทำการพนัน ที่แต่ก่อนเป็นเรื่องต้องห้าม นำมาสู่เรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่ากับว่ารัฐบาลพยายามส่งเสริมให้กับประชาชนได้เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อบ้านเมือง

นายชัยมงคล กล่าวว่า ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราไม่เข้าใจรัฐบาลชุดนี้ ว่าแนวคิดเรื่องบ่อนกาสิโน ทำไมจึงเกิดขึ้นมาในยุคสมัยนี้ หรือรัฐบาลสิ้นหนทางในการหาเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ จนกระทั่งยอมที่จะให้ชาติบ้านเมืองแปดเปื้อน และสร้างบาดแผลให้กับประเทศชาติ ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าการพนันเป็นอบายมุขที่ทำลายชาติบ้านเมือง และท้ายที่สุดจะทำลายเศรษฐกิจ

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตนมองว่ารัฐบาลยังมีหลายประเด็นที่ไม่ชัดเจน ได้แก่ ไม่ครบวงจร ไม่รัดกุม ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องการลงพื้นที่ตรวจสอบประชาชนอย่างแท้จริง ว่าประชาชนได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนจากการพนันมากน้อยแค่ไหน
”รัฐบาลยังมีการให้อำนาจเลขาฯ และคณะกรรมการตามมาตรา 11 มากเกินไป อีกทั้ง ตัดอำนาจหน่วยงานที่มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การพนัน ไปโดยสิ้นเชิง เช่น กระทรวงมหาดไทย ทำให้อำนาจทั้งหมดไปอยู่ที่เลขาฯ และคณะกรรมการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้า“ โฆษกพรรค พปชร. กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐ พยายามชี้แจงมาโดยตลอดว่ารายได้จากใบอนุญาตในระยะเวลา 30 ปี อาจไม่ถึง 1,100 ล้านบาทต่อใบ ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเงินจำนวนนี้ หากนำมาใช้จริง ก็อาจหมดไปในระยะเวลาไม่นาน ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การฟื้นฟูสังคมและชุมชน รวมถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง PM2.5 ก็ยังเป็นข้อห่วงใยของพรรคพลังประชารัฐ เพราะรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไม่ทุกมุม และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน เราเคยได้นำเสนอการแก้ไขไปในหลายมิติ เพื่อให้รัฐบาลนำข้อมูลไปแก้ไขเพื่อเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดประโยชน์แก่สังคมอย่างแท้จริง ตอนนี้ปัญหาเรื่องฝุ่นมีผลกระทบด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวของประชาชน นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สส.พรรค ไม่เห็นด้วยกับ 2 เรื่องดังกล่าว และจะทำการคัดค้านในทุกมิติทั้งในและนอกสภา.