สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้สั่งการให้จัดเตรียม “ศูนย์กักขังผู้อพยพ” 30,000 คน โดยใช้พื้นที่ของเรือนจำกวนตานาโม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานคุมขังผู้ต้องสงสัยคดีก่อการร้าย และสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง

แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า เที่ยวบินจากสหรัฐไปยังเรือนจำกวนตานาโม พร้อมผู้อพยพผิดกฎหมาย “ซึ่งเป็นภัยคุกคามสูง” ประมาณ 12 คน เดินทางไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเมื่อถึงที่หมาย จะมีการแยกผู้อพยพเหล่านี้ไปคุมขังยังพื้นที่อีกส่วน ไม่รวมหรืออยู่ใกล้กับผู้ต้องขังหัวรุนแรง

เรือนจำกวนตานาโม ซึ่งเปิดทำการหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 เป็นสถานที่กักขังผู้ที่ถูกจับกุมระหว่างสงคราม และปฏิบัติการอื่น ๆ ยังคงคุมขังผู้ต้องขัง 15 คน จากกิจกรรมกลุ่มก่อการร้าย หรือความผิดที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

ตามข้อมูลของกองบัญชาการประจำภูมิภาคทางใต้ของสหรัฐ มีทหารอเมริกันราว 300 นาย ประจำการอยู่ที่เรือนจำกวนตานาโม เพื่อสนับสนุน “ปฏิบัติการกักขังคนต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย”

มากไปกว่านั้น พื้นที่บางส่วนของเรือนจำแห่งนี้ ยังถูกใช้เป็นที่พักพิงสำหรับผู้ลี้ภัย และผู้อพยพผิดกฎหมายจากทะเลแคริบเบียน รวมถึงชาวเฮติและคิวบาหลายหมื่นคน ซึ่งหลบหนีจากวิกฤติการณ์ด้านความมั่นคงในบ้านเกิด เมื่อช่วงปี 2533

อนึ่ง นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ผู้อพยพไร้เอกสารหลายพันคนถูกจับกุม และบางคนถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม ขณะที่ผู้อพยพไม่ทราบจำนวน ถูกส่งตัวกลับถิ่นฐานเดิม ในโคลอมเบีย เม็กซิโก กัวเตมาลา บราซิล และอีกหลายประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP