เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าตนร่วมมือกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการเรียกรับผลประโยชน์กลุ่มจีนเทา จำนวน 1.2 ล้านบาท ว่า ขอยืนยันกับประชาชนว่า ตลอดทั้งชีวิตของตนไม่เคยพบเจอ ไม่เคยพบปะพูดคุย แม้กระทั่งคุยทางโทรศัพท์กับบุคคลที่กล่าวหาตนแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน และเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นให้หน่วยงานภายนอกตรวจสอบตัวเองว่าถูกพาดพิงเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรง เพราะตนเป็น สส. อยู่ จะส่งผลเสียต่อตนทั้งปัจจุบัน และในอนาคตทางการเมืองด้วย ตนไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ส่วนเรื่องคดีความ ตนได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการว่ามีส่วนใดที่จะสามารถเอาผิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แม้กระทั่งสิ่งที่นายอัจฉริยะกล่าวอ้าง คือบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบจริงเท็จอย่างไร

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนยังได้ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาชน ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบเร่งด่วนเพื่อพิสูจน์ความจริง และชี้แจงกรณีนี้ต่อสมาชิกพรรค ผู้ร่วมสนับสนุนพรรคประชาชน เพราะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อสมาชิกพรรค และ สส. ของพรรคอีกด้วย ก็ขอเรียกร้องไปยังบุคคลที่พาดพิงตน ตนไม่ทราบว่าต้องการเป้าประสงค์อย่างไร ไม่แน่ใจว่าเหตุใดถึงต้องมาทำลายอนาคตกันแบบนี้ โดยส่วนตัวตนไม่เคยบาดหมาง ไม่เคยพบเจอ ไม่เคยรู้เห็นใดๆ มาก่อน ดังนั้นหากมีหลักฐานชัดเจน ก็สามารถดำเนินคดีกับตนได้เลย ไม่ว่าจะองค์กรใดก็ตาม ส่งไปตรวจสอบได้เลย แต่ถ้าเกิดไม่ได้กล่าวผิดพลาดไป ก็ขอร้องให้ออกมาให้ความบริสุทธิ์กับตน ออกมาขอโทษ และออกมาแสดงความชัดเจน ยืนยันข้อเท็จจริงกับประชาชนว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

เมื่อถามว่ามีมูลเหตุใดถึงอ้างชื่อไปรับผลประโยชน์กลุ่มจีนเทา นายณัฐชา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด แต่จากที่ติดตามน่าจะมีปัญหากับนายมงคลกิตติ์ ยอมรับว่าตนกับนายมงคลกิตติ์ สนิทกัน ในฐานะที่เคยเป็น สส. ด้วยกันสมัยที่แล้ว และโดนคดีใน ป.ป.ช. ด้วยกันที่ไปร่วมชุมนุมชูสามนิ้ว ส่วนเรื่องระหว่างนายอัจฉริยะ กับนายมงคลกิตติ์ ตนไม่ทราบ หากต้องการให้ประเด็นที่ตัวเองติดตามเป็นประเด็นขึ้นมา ก็ไม่ควรใช้อนาคตทางการเมืองหรือชื่อของคนอื่นมาทำให้เสื่อมเสียแบบนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับคนที่พาดพิงตน ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมเอกสารข้อมูลอยู่ เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอ้างถึงตนตามเอกสารที่ไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ เพราะหากเป็นคดีร้ายแรงก็ต้องดำเนินคดี และการลงบันทึกประจำวัน เป็นการให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงาน หากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็ต้องถูกดำเนินคดีต่อ ดังนั้นเราต้องสืบทราบให้ได้ว่าต้นตอมาจากใด เพื่อรวบรวมข้อมูลดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องครบทุกคน.