เมื่อวันที่ 3 พ.ย. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.รุ่งระวี สุขัง ผกก.สภ.ปลายบาง จ.นนทบุรี กำลังตำรวจชุดสืบสวน-ปราบปราม พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทย์ศาสาตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบเหตุยิงกันตาย 2 ศพ ในห้องเช่าในซอยวัดหูช้าง ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่า 2 ชั้น ในห้องเช่าชั้นสองห้องแรกบนที่นอนพบศพนายสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เป็นหัวหน้าชุด รปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด มือขวาถือปืนพกสั้นขนาด 9 มม. มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ ใกล้กันศพพบนายสมคิด (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี พี่ชายนายสมบูรณ์ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายสมบูรณ์ เป็นคนดีมีน้ำใจ ลูกน้องรักใคร่ และเป็นคนรักครอบครัว ทำงาน รปภ.มานานกว่า 2 ปี โดยพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าดังกล่าวกับนายสมคิด พี่ชายที่ป่วยเป็นออทิสติก แต่พูดจารู้เรื่อง และภรรยาป่วยติดเตียง แต่ต่อมาภรรยาอาการทรุดหนักต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็มาบ่นกับลูกน้องที่ทำงานว่าถ้าตัวเองเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ใครจะดูแลพี่ชายกับภรรยา หัวหน้าและลูกน้องต่างก็คอยปลอบใจ บอกว่าอย่าคิดมาก กระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมาได้ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 กลับมามีอาการขาชาผิดปกติ หัวหน้าจึงให้ลาพัก 2 สัปดาห์ แต่หยุดงานไปได้แค่ 3 วัน เมื่อวาน (2 พ.ย.) ก็กลับมาทำงานอีกเพราะห่วงงาน ทั้งๆ ที่อาการขาชายังไม่ดีขึ้น หัวหน้าจึงให้กลับมาพักผ่อน ก่อนเกิดเหตุเช้าวันนี้ โทรศัพท์มาหาลูกน้องให้ช่วยซื้อข้าวมาส่งให้ที่ห้อง พร้อมบ่นว่าอาการภรรยาทรุดอีกทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาบอกให้ไปเซ็นยินยอมให้เจาะคอเพื่อให้อาหารทางสายยาง พอลูกน้องนำข้าวมาส่งพบเป็นศพแล้วดังกล่าว

สันนิษฐานว่านายสมบูรณ์ เครียดเรื่องเป็นห่วงพี่ชายที่ป่วยออทิสติกและภรรยาที่ป่วยหนัก กระทั่งเคยไปบ่นให้ลูกน้องและหัวหน้างานฟังว่าถ้าเจ้าตัวไม่อยู่แล้วใครจะดูแล จนมาฉีดวัคซีนเข็ม 2 ทำให้ตัวเองที่เป็นเสาหลักครอบครัวต้องมามีอาการชาที่ขาทำงานไม่ได้ ต้องลางานมารักษาตัว ประกอบกับก่อนเกิดเหตุทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งอาการภรรยาที่จะให้เจ้าตัวไปเซ็นยินยอมให้เจาะคอทำให้เครียดหนักขึ้น ตัดสินใจก่อเหตุใช้ปืนยิงพี่ชายที่นอนอยู่ ก่อนยิงตัวเองตายตาม คาดว่าหากภรรยาไม่ไปรักษาตัวโรงพยาบาลอาจถูกยิงอีกราย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป