สำนักข่าวข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ว่า นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี แถลงต่อที่ประชุมความมั่นคงมิวนิก (เอ็มเอสซี) ที่เมืองมิวนิก ทางตอนใต้ของเยอรมนี เรียกร้องพันธมิตรในยุโรป ร่วมกันเสริมสร้างอุตสาหกรรมอาวุธของภูมิภาคให้แข็งแกร่ง


อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือดังกล่าวของยุโรปไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการยุติหรือปิดกั้นความร่วมมือ และการบูรณาการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างภูมิภาค โดยยืนยันว่า เยอรมนีจะยังคงจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐต่อไป

AFP


ขณะเดียวกัน โชลซ์ตอบสนองต่อการที่นายเจ.ดี.แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมเอ็มเอสซีเช่นกัน พบกับแกนนำของพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลภายนอก” ที่จะ “ให้คำแนะนำ” กับพรรคการเมืองในเยอรมนี ให้ต้องร่วมงานกับพรรคเอเอฟดี เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เกี่ยวกับจุดยืนของพรรคขวาจัดพรรคนี้ ยิ่งผู้ที่ให้ความเห็นเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของเยอรมนี การแสดงทรรศนะลักษณะนี้ “ยิ่งไม่สมควร”


นอกจากนี้ โชลซ์กล่าวว่า ประชาธิปไตยของเยอรมนีและยุโรป “ก่อตั้งบนหลักการของความตระหนักรู้ทางประวัติศาสตร์” และ “อยู่บนพื้นฐานของความจริงที่ว่า ประชาธิปไตยสามารถถูกทำลายได้ด้วยฝ่ายหัวรุนแรงที่ต่อต้านหลักการนี้”


อย่างไรก็ตาม ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของแวนซ์ บนเวทีเอ็มเอสซี รองผู้นำสหรัฐแทบไม่กล่าวถึงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งกำลังจะยืดเยื้อครบ 3 ปี แต่กล่าวว่า ยุโรปกำลังเผชิญกับ “ภัยคุกคามจากภายใน” ทั้งจากปัญหาผู้อพยพที่เรื้อรัง และการจัดการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นเพราะรัฐบาลของนานาประเทศในยุโรป เจตนามองข้ามความต้องการของประชาชน ที่ต้องการให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทำให้ยุโรปกำลังสูญเสีย “คุณค่าของตัวเอง”.

เครดิตภาพ : AFP