สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่า เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวหลังเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน ร่วมกับผู้นำหลายประเทศในยุโรป เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักร พร้อมส่งทหารเข้าไปร่วมปฏิบัติการในยูเครน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องมีข้อตกลงสันติภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว และที่สำคัญคือ “ต้องมีสหรัฐให้ความสนับสนุน”


ผู้นำสหราชอาณาจักรให้เหตุผลว่า หลักประกันด้านความมั่นคงโดยสหรัฐ “คือหนทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดหนทางเดียว” ที่จะป้องกันไม่ให้รัสเซียสามารถโจมตียูเครนได้อีก พร้อมทั้งยืนยันว่า จะมีการหารือเรื่องนี้ กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า


ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ออกมาแสดงท่าทีในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม โปแลนด์ซึ่งมีพรมแดนทางตะวันออกติดกับภาคตะวันตกของยูเครน กลับมีความเห็นตรงกันข้าม


นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ผู้นำโปแลนด์ กล่าวว่า โปแลนด์จะยังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป “บนแนวทางเดิม” ที่เคยปฏิบัตินับตั้งแต่สงครามปะทุ ทั้งในทางมนุษยธรรมและการทหาร โดยต้องไม่สร้างภาวะตึงตัวให้กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโปแลนด์ และไม่มีนโยบายส่งทหารเข้าไปในประเทศใดก็ตาม “ซึ่งต้องการหลักประกันด้านความมั่นคงในทางกายภาพ”


ขณะเดียวกัน ผู้นำโปแลนด์กล่าวว่า “ไม่ใช่เวลา” ที่จะมาคิดเกี่ยวกับ การตั้ง “องค์กรทางเลือก” ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และโปแลนด์หวังว่า ประเทศใดก็ตามซึ่งเสนอมอบหลักประกันด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน ต้องมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง ว่าสามารถปฏิบัติได้จริง


อนึ่ง มีรายงานว่า สหรัฐส่ง “แบบสอบถาม” ไปยังรัฐบาลของหลายประเทศในยุโรป ประกอบด้วยคำถาม 6 ข้อ เกี่ยวกับการจัดการด้าน “หลักประกันความมั่นคง” ให้แก่รัฐบาลเคียฟ หนึ่งในนั้นคือการถามอย่างเจาะจงว่า ประเทศแห่งนั้นพร้อมส่งทหารจำนวนเท่าใดเข้าไปในยูเครน.

เครดิตภาพ : AFP