จากกรณีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นฟ้องต่อศาลคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สรุปสำนวนคดีให้พิจารณาฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา อายุ 68 ปี และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.64 ที่ผ่านมานั้น โดยสืบเนื่องจากการพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่าหลายพันล้านบาท ตั้งแต่ปี 61 ซึ่ง นายเกษม ณรงค์เดช อายุ 86 ปี ผู้เสียหายได้ตรวจพบว่ามีการปลอมแปลงลายมือชื่อในเอกสารสัญญาต่างๆ และต่อมาทางทนายความคุณหญิงก่อแก้ว ได้อ้างว่าเมื่อปี 62 ศาลสูงฮ่องกงพิพากษาตัดสินเรื่องนายเกษม ฟ้องคุณหญิงก่อแก้ว ปลอมลายมือชื่อแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัว “ณรงค์เดช” ได้เตรียมแถลงการณ์ชี้แจงกรณีคำสั่งศาลสูงฮ่องกง ในประเด็นที่คู่กรณีนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ใจความสำคัญว่า นายเกษมได้จงใจให้ข้อมูลเท็จต่อศาลและไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วนและตรงไปตรงมา โดยไม่สุจริต วินิจฉัยประเมินค่าใช้จ่ายในคดี และให้โจทก์ต้องรับผิดชอบ ชำระค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดี ในอัตราสูงสุด โดยมีการตรวจสอบเอกสารของศาลสูงฮ่องกงแล้วนั้นพบว่าการตัดสินนั้นเป็นไปตามที่ครอบครัวณรงค์เดช ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีเองไม่ได้ถูกตัดสินเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ เนื่องจากพบหลักฐานการปลอมแปลงลายมือชื่อเกิดขึ้นในประเทศไทยจึงไม่จำเป็นต้องไปยื่นฟ้องในศาลฮ่องกงแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังครอบครัวณรงค์เดช เพื่อสอบถามข้อมูลดังกล่าวทราบเพียงว่าอยู่ในขั้นตอนการขอเอกสารจากทางการศาลสูงฮ่องกงมาประกอบเพื่อพิจารณาคำร้องส่งให้อัยการไปพิจารณาอีกทางหนึ่งแต่ก็ไม่ขอเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งนี้ นายธนพัฒน์ จันทร์เจริญสิน ทนายความครอบครัวณรงค์เดช ให้ข้อมูลเพียงสั้นๆ ว่า การถอนฟ้องคุณหญิงกอแก้ว ในฮ่องกงเป็นเรื่องจริงที่ทางฝ่ายทีมกฎหมายมองว่าการปลอมแปลงลายมือชื่อนายเกษม เกิดขึ้นในไทยเพื่อโอนหุ้นต่างๆ จึงขอให้มาดำเนินคดีที่ไทยจะดีกว่าดำเนินคดีที่ฮ่องกง การที่คู่กรณีนำเรื่องดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนสู่สาธารณชนเพื่อให้เข้าใจว่ามีการตัดสินพิพากษาในฮ่องกงแล้วนั้น เป็นเรื่องที่สร้างความสับสนและเข้าใจผิดจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวคาดอีก 1-2 วัน น่าจะมีการแถลงอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 24 เม.ย. 59-13 มิ.ย.61 จำเลยในคดีได้ร่วมกันปลอมเอกสารสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง สัญญาแต่งตั้งตัวแทน ตราสารการโอนหุ้น ใบซื้อขายหุ้น คำประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นทรัสต์ และร่วมกันปลอมลายมือชื่อบุคคล (นายเกษม ณรงค์เดช) ที่เป็นผู้เสียหายทำให้หลงเชื่อว่ามีการโอนหุ้นแก่พวกจำเลย และระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.61-26 มิ.ย.61 พวกจำเลยได้ใช้เอกสารสิทธิที่ทำปลอมขึ้นไปแสดงจนเป็นเหตุให้มีการโอนหุ้น จำนวนกว่า 459 ล้านหุ้นให้พวกจำเลย และเมื่อวันที่ 1 ก.ค.61-1 พ.ย.61 พวกจำเลยยังนำเอกสารสิทธิที่ทำปลอมนั้นไปใช้และอ้างต่อศาลฮ่องกงด้วย เบื้องต้นศาลอาญา กรุงเทพใต้ ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1708/2564 นัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.