เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ จ.ร้อยเอ็ด นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดท่าสะแบง อำเภอทุ่งเขาหลวง เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการ “เสริมพลังวัดพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ท่าสะแบง Model” ผ่านกลไกความร่วมมือ วัด-บ้าน-ราชการ ในการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง พร้อมพบปะเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) สภาเด็กและเยาวชน และผู้ช่วยคนพิการในพื้นที่ อีกทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับครอบครัวเปราะบาง 101 คน โดยมี พระโสภณปริยัตยาภรณ์ รองเจ้าคณะ จ.ร้อยเอ็ด พระราชวัชราวิทยาคม (อนุสรณ์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดท่าสะแบง นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ คณะที่ปรึกษา รมว.พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. พร้อมคณะผู้บริหาร นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด เขต 1 รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด และทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วม

จากนั้น เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการสมัชชา อพม. “พลัง อพม. สู่การเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน” พร้อมมอบบัตรประจำตัวและวุฒิบัตรให้แก่เด็กและเยาวชน จากสภาเด็กและเยาวชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเครือข่ายเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 215 คน ที่เข้าร่วมโครงการผู้นำ อพม.รุ่นใหม่ อาสาเพื่อสังคม (New Gen Volunteer Leadership) ซึ่งมีผู้แทนองค์การยูนิเซฟ แห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรไทย มีอัตราการเกิดอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับสังคมไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ นับเป็นประเด็นท้าทายสำคัญของสังคมไทยต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งกระทรวง พม. ตระหนักถึงผลกระทบที่สำคัญต่อกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เด็ก เยาวชน สตรี ครอบครัว ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส รวมถึงผู้มีรายได้น้อย โดยได้ขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 5X5 ฝ่าวิกฤติประชากร ข้อเสนอที่ 5 สร้างระบบนิเวศ (Eco-system) ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว ด้วยการพัฒนาระบบสวัสดิการเหมาะสมและทั่วถึงโดยรัฐ ลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นหลักประกันในยามที่เผชิญกับวิกฤติ โดยสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วนในสังคม รวมถึง สภาเด็กและเยาวชน ในรูปแบบของ อพม. ให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานในในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างรัฐ และกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า วันนี้คือก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีความรู้ความเข้าใจในทักษะการทำงานอาสาสมัคร ทั้งการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม การประสานทรัพยากร และการมีส่วนร่วม ตลอดจนเป็นการปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกรักบ้านเกิด และยังมีงานสมัชชา อพม. เป็นเวทีที่เปิดรับฟังความคิดเห็นจาก อพม. และภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนและพัฒนางาน อพม. นำไปสู่การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย รวมทั้งเป็นการยกระดับ อพม. เป็นผู้ช่วยคนพิการ (PA) และเป็นผู้จัดการรายกรณี (CMA) ให้สามารถช่วยเหลือดูแลผู้ประสบปัญหาทางสังคมในชุมชนได้ ทั้งนี้ตนขอแสดงความยินดีกับยุว อพม. ที่ผ่านการอบรม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเหลือให้คำปรึกษาแนะนำหรือเป็นพี่เลี้ยงในการทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ เป็นเครือข่ายสนับสนุนงานด้านการพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคม ตลอดจนเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคมและสร้างความมั่นคงของมนุษย์ในทุกมิติ.