เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 68 ที่ จ.เลย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร (ปธ.ปปง.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมาธิการได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เสียหายเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 20 ก.พ. และวันที่ 27 ก.พ. 68 โดยได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จึงขอแจ้งให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายได้รับทราบ

จับ น้า-หลาน ผู้บริหาร ‘ตู้เงินปันสุข-k4’ ตุ๋นลงทุนค่าตอบแทนสูง

การตรวจสอบ บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด เป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ประเภทที่ 1 แบบไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง จากสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นโครงข่ายเสมือนหรือ MVNO โดยเช่าโครงข่ายจาก บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) นอกจากนี้ บริษัท เคโฟร์ฯ ได้ขออนุญาตจดทะเบียนประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อปี พ.ศ. 2565 เพื่อจำหน่ายสินค้าน้ำดื่ม ต่อมาได้ยื่นขอเพิ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเป็นอาหารเสริม เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 67 สำนักงาน กสทช. ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีบริษัท เคโฟร์ฯ มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน ภายใต้การให้บริการ MVNO ในชื่อโครงการ “ซิมปันสุข” เพื่อทำการตลาดและกระจายซิมการ์ด แต่บริษัท เคโฟร์ฯ ดำเนินการผิดเงื่อนไขในการอนุญาต เนื่องจากมีลักษณะจูงใจผู้ใช้บริการโดยมอบผลประโยชน์ตอบแทนในลักษณะธุรกิจเครือข่าย จึงเชิญผู้บริหาร บริษัท เคโฟร์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงให้ข้อมูล นอกจากนี้ ได้มีประชาชนมายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 67 และวันที่ 11 ก.พ. 68 โดยประชาชนมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บริหาร บริษัท เคโฟร์ฯ ซึ่งปัจจุบัน กสทช. ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการ กสทช. เพื่อพิจารณาให้บริษัท เคโฟร์ฯ สิ้นใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ด้วยเหตุถูกดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับกรรมการบริษัท เคโฟร์ฯ จำนวน 2 ราย และนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญา จากนั้นจะสรุปสำนวนเสนออัยการต่อไป โดยได้มีการตรวจพบทรัพย์สินจากบ้านพักของผู้กระทำความผิด จำนวน 11 รายการ มีเงินสดประมาณ 100,000 บาท และอายัดบัญชีธนาคารไว้ตรวจสอบเส้นทางการกระทำความผิด

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รับรายงานจาก บก.ปอศ. แล้ว ปัจจุบันพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อเสนอคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สิน แต่หากพบว่ามีกรณีโอน จำหน่าย ยักย้าย ซ่อนเร้น เลขาธิการ ปปง. มีอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต่อไป พร้อมกันนี้จะประสานกับ บก.ปอศ. เพื่อให้ส่งทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้ให้สำนักงาน ปปง. ต่อไป

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บริษัท เคโฟร์ฯ มีพฤติการณ์เข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เพราะมีการชักชวนประชาชนมาร่วมลงทุน และเสนอผลตอบแทนในอัตรา 72 บาทต่อวัน จำนวน 500 วัน คิดเป็น 219% ซึ่งเกินจากอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด และบริษัทได้นำเงินที่ชักชวนมาลงทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ลงทุนรายอื่นด้วย ดังนั้น จึงเข้าข่ายการให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะเป็นพยานในคดีนี้

จากกรณีดังกล่าว คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาเห็นว่าเป็นความเดือดร้อนของประชาชนในวงกว้าง จึงมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ดังนี้

1.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งความได้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ
2.ขอให้สำนักงาน กสทช. เร่งรัดพิจารณาเพิกถอนการระงับใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรคมนาคมของบริษัท เคโฟร์ฯ โดยเร็ว เพื่อมิให้หลอกลวงประชาชนรายอื่น
3.ขอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุให้ชัดเจนว่ามีการกระทำความผิดเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

และ 4. ขอให้เลขาธิการ ปปง. ใช้อำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้บริหาร บริษัท เคโฟร์ฯ โดยเร็ว เพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดโอน จำหน่าย ยักย้าย ซ่อนเร้นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และประกาศให้ผู้เสียหายยื่นขอรับการคุ้มครองสิทธิต่อไป และ 5. ขอให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ เพื่อนำใบแจ้งความเป็นหลักฐานในการยื่นขอคุ้มครองสิทธิ โดยยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายต่อสำนักงาน ปปง. ภายใน 90 วัน หลังจาก ปปง. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการยื่นคำร้องดังกล่าว เพื่อขอรับการเฉลี่ยเงินคืน จึงประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายในวงกว้างต่อไป.