เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ รายงานสถานการณ์เด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นหญิง มีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มกว่าวัยรุ่นชาย ซึ่งหากปล่อยให้วัยรุ่นหญิงติดบุหรี่ไฟฟ้า จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าผู้ชาย แม้ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 แสดงอัตราการสูบบุหรี่มวนของหญิงไทยลดลง เหลือ 1.3 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเทียบกับการสำรวจระดับประเทศ เมื่อปี 2565 พบว่าวัยรุ่นหญิงอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า 15 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มีผู้ชายสูบบุหรี่ไฟฟ้า 20.2 เปอร์เซ็นต์ และการสำรวจปีต่อๆ มา ในประเทศไทยพบว่าวัยรุ่นหญิงและชาย มีอัตราการสูบบุหรี่ที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป จะส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่โดยภาพรวม ทั้งบุหรี่ปกติและบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มผู้หญิง เพิ่มสูงอย่างก้าวกระโดด

นายอนุกูล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าหญิงไทยที่สูบบุหรี่ทุกรูปแบบ มีแนวโน้มเลิกได้ยากกว่าผู้ชาย และที่น่าเป็นห่วงคือ ผลของการเสพติด จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทุกระบบระยะยาวด้วย ซึ่งเป็นผลจากความแตกต่างของฮอร์โมนเพศหญิงกับชาย จึงมีโอกาสเป็นโรคร้ายที่ระบบอวัยวะอื่นที่มากกว่าผู้ชาย และหากเป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จะทำให้สารพิษ ทั้งนิโคติน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารอื่นๆ ถูกส่งผ่านระบบทางเดินหายใจของมารดาเข้าไปสู่รก ทำให้เกิดการแปรปรวนภายในมดลูก และก่อผลร้ายหลายประการ อาทิ การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงาน เร่งปราบปรามและดำเนินตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ขณะเดียวกัน ประชาชนที่ประสงค์จะเลิกสูบบุหรี่ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ https://www.thailandquitline.or.th/site/ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1600