เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ภายหลังที่มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ได้ร้องเรียนปัญหากลุ่มคนเร่ร่อนเข้ายึดพื้นที่ หาดลับวงศ์อมาตย์ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นที่พักแรม ทำอาหาร ซักล้างเสื้อผ้า และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลับนอนกันตามชายหาด ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา โดยเฉพาะบริเวณแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมและถ่ายภาพ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา, ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา, ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ลงพื้นที่ตรวจบริเวณดังกล่าว พบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ไม่มีเอกสารระบุตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง ในบริเวณดังกล่าวยังพบกระเป๋าเสื้อผ้า และที่หลับนอน
สอบถามหญิงดังกล่าวทั้งสองราย ให้การว่า มาอยู่อาศัยตรงนี้ได้ประมาณ 5–6 เดือน เนื่องจากไม่มีที่ไป โดยประกอบอาชีพนวดตามชายหาด และรับจ้างเก็บกวาดขยะบ้างบางวัน ยอมรับว่าเมื่อช่วงเช้าเพิ่งเสพยาบ้าไป ส่วนยาเสพติดดังกล่าวมีผู้ชายเดินมาจำหน่ายให้ถึงที่
และจากการตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ น.ส.บี พบยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส พร้อมอุปกรณ์การเสพ โดยเจ้าตัวอ้างว่าไว้สำหรับรักษาโรคมะเร็ง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อทำการสืบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
น.ส.ศรัญญา ทิพย์อ้าย นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี ชี้แจงว่า สำหรับบุคคลเร่ร่อนไร้ที่พักทั้ง 2 คน จะนำตัวไปตรวจสอบสารเสพติด หากพบก็ให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่ถ้าประเมินแล้วมีอาการทางกายและทางจิต ก็จะนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และจะติดต่อญาติมารับกลับไป แต่หากไม่มีญาติพี่น้อง ก็จะเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง
ในขณะที่ พ.ต.อ.อเนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า ในส่วนของยาเสพติดจะขยายผลว่าทั้งสองซื้อยาเสพติดมาจากใคร หรือมีคนเอามาให้ที่นี่ อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณนี้ไม่ใช่จุดที่บุคคลเร่ร่อนจะอยู่อาศัยได้อีก เพราะเป็นที่สาธารณะ บุคคลทั่วไปไม่สามารถมาจับจอง หรืออยู่อาศัยถาวรได้ จากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบดูแลเกี่ยวกับบุคคลไร้ที่พักพิง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป.