สำนักข่าวต่างประเทศรานงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมกลับมาเปิดสถานกงสุลสหรัฐประจำนครเยรูซาเลม เพื่อใช้เป็นช่องทางหลัก ด้านการประสานงานกับปาเลสไตน์ ว่าจุดยืนของอิสราเอลในเรื่องนี้หนักแน่น และรัฐบาลเทลอาวีฟแสดงออกชัดเจนกับรัฐบาลวอชิงตันมาตลอด ว่า “ไม่มีพื้นที่สำหรับสำนักงานการทูตของสหรัฐ” ในนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ “ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเท่านั้น”


ขณะที่นายยาอีร์ ลาพิด รมว.การต่างประเทศของอิสราเอล กล่าวเสริมว่า หากไบเดนยังคงมุ่งมั่นในเรื่องนี้ และต้องการผลักดันให้มีสถานกงสุลของสหรัฐสำหรับปาเลสไตน์ อิสราเอลขอเสนอให้รัฐบาลวอชิงตันไปตั้งสถานกงสุลที่เมืองรามัลเลาะห์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตเวสต์แบงก์


ต่อมา นายนาบิล อาบู รูไดเนห์ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีปาเลสไตน์ กล่าวว่า หากสหรัฐมีความประสงค์กลับมาเปิดสถานกงสุล เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ สำนักงานการทูตแห่งนั้นต้องอยู่ที่นครเยรูซาเลมเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไบเดนและรัฐบาลวอชิงตันประกาศเอง ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ ต่อท่าทีล่าสุดของรัฐบาลอิสราเอลในเรื่องนี้


ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลจากการที่รัฐบาลสหรัฐในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลดสถานะสำนักงานการทูตของรัฐบาลวอชิงตันต่อปาเลสไตน์ แล้วโอนย้ายภารกิจทั้งหมดให้ไปอยู่ใต้การกำกับดูแลของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ที่ย้ายออกจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เมื่อปี 2561 ท่ามกลางเสียงประณามอย่างหนักของปาเลสไตน์ และบรรดาประเทศในโลกอาหรับ.

เครดิตภาพ : AP